กลุ่มผู้สูงอายุชาวตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา โวยเงินฝากสหกรณ์เครดิตยูเนียนฯ หายจากบัญชีกว่า 12 ล้านบาท แถมบางคนไม่ใช่แค่เงินหาย แต่ยังมีหนี้ผุดทั้งที่ไม่ได้กู้ วอนตำรวจจับผู้กระทำผิดพร้อมติดตามเงินกลับมาให้เร็วที่สุด
วันอังคารที่ 19 ก.ค.65 ที่บริเวณณหน้าสหกรณ์เครดิตยูเนียน ธรรมสามัคคีตาชี จำกัด ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ได้มีกลุ่มผู้สูงวัย อายุระหว่าง 50-90 ปี ในพื้นที่ ต.ตาชี จำนวนกว่า 50 คนไปรวมตัวกัน หลังตรวจสอบพบว่า เงินฝากกับสหกรณ์เครดิตยูเนียน ธรรมสามัคคีตาชี จำกัด หายไปจากบัญชีกว่า 12 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่พักสงฆ์โคกแค ต.ตาชี เงินส่วนตัวของแม่ชี ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง รวมทั้งผู้สูงอายุใน ต.ตาชี กว่า 300 คน
โดยผู้เสียหายทั้งหมดต้องการให้ทางสหกรณ์เครดิตยูเนียน ธรรมสามัคคีตาชี จำกัด ออกมาชี้แจงต่อสาธารณะ รวมถึงดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ทำให้เงินในบัญชีหาย ถูกปลอมลายเซ็นไปถอนเงินและทำให้เป็นหนี้ พร้อมทั้งขอให้ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องดำเนินคดีและหาความเป็นธรรมกับชาวบ้านโดยเร็วที่สุด ด้วย
หลังจากรวมตัวกันแสดงเจตนารมณ์แล้ว กลุ่มผู้สูงอายุทั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย ได้เดินทางไปที่ สภ.ยะหา เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
@@ เงินฝาก 2 ล้าน เหลือแค่ 4 หมื่น
นางแอบ อารีบำบัด หนึ่งในผู้เสียหาย อายุ 59 ปี กล่าวว่า เงินเก็บสะสมทีละเล็กทีละน้อยมาทั้งชีวิต พอจะถอนเงินออกมากลับไม่มีเงินในบัญชี แรกๆ ที่ทราบว่าเงินหายจากบัญชี คือ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา มีสมาชิกไปขอถอนเงินออก แต่ถอนไม่ได้ เจ้าหน้าที่สหกรณ์บอกว่าต้องให้กรรมการมาตรวจสอบก่อน ถ้ากรรมการยังไม่ตรวจสอบก็ถอนไม่ได้ ตอนนั้นก็รู้สึกเอะใจ เพราะปกติแค่แจ้งล่วงหน้าก็ถอนเงินได้แล้ว
นอกจากนั้น ก่อนที่กรรมการตรวจสอบจะมา ฝ่ายบัญชีกับฝ่ายการเงินสหกรณ์ฯ ไปหาชาวบ้านที่เป็นสมาชิก เลือกคนที่อายุมากๆ ทุกบ้านแล้วบอกว่าอย่านำบัญชีที่อยู่กับตัว โดยเฉพาะบัญชีที่มีเงินเยอะๆ ไปให้ฝ่ายตรวจสอบดู เพราะเดี่ยวจะโดนล้วงข้อมูล เพราะไม่สามารถไว้ใจใครได้ เจ้าหน้าที่บัญชีสหกรณ์จังหวัดที่มาตรวจสอบก็ยังเชื่อไม่ได้ เดี๋ยวเขานำข้อมูลไปให้พวกคอลเซ็นเตอร์ โดยมาย้ำแบบนี้กับชาวบ้าน 2-3 รอบ ก็ยิ่งแปลกใจ
นางแอบ เล่าต่อว่า พอมาตรวจเงินในบัญชี ในสมุดบัญชีที่อยู่กับเรา ก็อยู่ครบ แต่บัญชีที่สหกรณ์ เงินหายหมดเลย บางคนมีเงินเกือบสองล้านบาท เหลือแค่ 4 หมื่นบาท
@@ เงินก้อนสุดท้ายของชีวิต - 37 รายโดนล้วง
“ป้าเองมีอยู่ 9 แสนกว่า เขาเอาไป 7 แสน เหลือแค่แสนเศษๆ ฝ่ายตรวจสอบพบว่า รวมๆ แล้วมี 37 คนที่เงินในบัญชีหายเกือบ 12 ล้านบาท อันนี้เฉพาะรายใหญ่ที่ฝากเยอะๆ ยังมีที่ฝากน้อยๆ อีกที่กำลังตรวจสอบ”
“เงินนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิต ทุกคนตั้งใจเก็บไว้ เห็นว่าฝากที่นี่สะดวก ไม่ต้องไปธนาคาร จะใช้เมื่อไหร่ก็มาถอนได้ อีกอย่างมีฝ่ายตรวจสอบบัญชี ทำหน้าที่คอยตรวจสอบบัญชีทุกปีให้เราด้วย มันทำให้เกิดความเชื่อมั่น ก็ไม่คิดเลยจะมาเป็นอย่างนี้ สหกรณ์แห่งนี้เปิดมา 40 กว่าปี เคยเกิดเรื่องแบบนี้มา 3 ครั้ง แต่ที่ผ่านมาเขาเอาไปไม่เยอะ เรื่องเลยไม่ดัง” สมาชิกสหกรณ์ เล่าย้อนเรื่องราว
@@ โดนโกงยันแม่ชี - ที่พักสงฆ์
ขณะที่ นางละออ ทองธรรมชาติ อายุกว่า 60 ปี ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า นอกจากมีการปลอมลายเซ็นไปถอนเงินแล้ว ยังมีการปลอมลายเซ็นไปกู้เงินด้วย ชาวบ้านเงินไม่เหลือแล้วยังมีหนี้เพิ่มมาอีก เงินเกือบสองล้านของตนที่หายจากบัญชีเหลือ 4 หมื่นบาท แถมยังติดหนี้อีก 6 หมื่นจากที่เขาปลอมลายเซ็น ก็ถือว่ายังโชคดีที่เรื่องมาแดงก่อน ไม่อย่างนั้นเงินจากการขายผลไม้ปีนี้อีกหลายล้านของชาวบ้านที่จะเอาไปฝากกับสหกรณ์ฯ ก็จะหายไปด้วย หวังว่าตำรวจจะดำเนินคดีกับคนผิดแล้วเอาเงินที่หายไปกลับมาคืนชาวบ้านได้โดยเร็ว
แม่ชีทิพย์เกสร ทองธรรมชาติ กล่าวว่า ตั้งใจจะถอนเงินไปต่อเติมบ้านให้แม่ที่นราธิวาส แต่เจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯกลับบอกว่า ยังถอนเงินไม่ได้จนกว่าฝ่ายตรวจสอบจะเข้ามาตรวจสอบบัญชี ก็เลยรู้ว่าเงินไม่มีแล้ว ตอนนี้ก็ฝากความหวังกับผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการหาเงินมาคืนชาวบ้าน นอกจากเงินส่วนตัวของแม่ชี ยังมีเงิน ที่พักสงฆ์โคกแค ต.ตาชี ด้วย ก็หวังว่าทุกคนจะได้เงินคืน
นายช่วง ไชยแสงสี อายุกว่า 60 ปี ซึ่งพิการ ขาถูกระเบิดในยุคโจรจีนคอมมิวนิสต์ กล่าวว่า เงินทื่ถูกล้วงไป เราตั้งใจเก็บสะสมเผื่อใช้จ่ายตอนแก่ ตอนไม่สบาย พอรู้ว่าเงินหายก็รู้สึกเครียด นอนไม่หลับเลย ตอนนี้หวังว่าทุกคน ทั้งตำรวจ สื่อ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจ จะร่วมกันช่วยชาวบ้านให้ได้รับความเป็นธรรม ให้ได้เงินกลับคืนมา
@@ ผู้การยะลาสั่งเปิดไลน์กรุ๊ปรับข้อมูลผู้เสียหาย
พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวว่า ได้หารือกับสารวัตรสืบสวน ทราบว่า คดีมีการรับแจ้งเป็นคดีแล้ว ตอนนี้คือขั้นตอนรอเอกสารจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อดูความเสียหายทั้งหมดว่าเท่าไหร่ อย่างไร ขอให้พี่น้องรอสักนิด จะมีการเชิญให้ปากคำทุกๆ คนที่เป็นผู้เสียหาย
“ผมได้กำชับพนักงานสอบสวนแล้ว และได้ตั้งไลน์กลุ่มเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่เสียหายและคนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมติดตามความคืบหน้า มี ผู้กำกับการ สภ.ยะหา และรองผู้การลงไปดูอีกชั้นหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ทราบว่าโกงกันมาต่อเนื่อง หลายห้วง หลายยุค กำลังขุดคุ้ย ตามพยานเอกสาร ต่อด้วยพยานบุคคลผู้เสียหาย”
ผู้การตำรวจภูธรยะลา บอกด้วยว่า คดีนี้มีชาวบ้านเสียหายเยอะ ขอให้เดินกันอย่างเป็นระบบ ยึดพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ ให้คำแนะนำชาวบ้านให้เข้าใจ โดยเฉพาะการชี้แจงขั้นตอนต่างๆ ต้องทำให้ชัดเจน ต้องมีการชี้แจงรายละเอียดว่า ต้องทำอะไรตามลำดับ การเปิดไลน์กลุ่มเพื่อจะได้มีช่องทางการติดต่อพูดคุยให้ข้อมูลกัน แต่ก็ได้แจ้งเตือนด้วยว่า อย่าเผลอชวนกลุ่มผู้กระทำความผิดหรือผู้สนับสนุนเข้ามาในไลน์กลุ่ม ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุดต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้กำชับในประเด็นของการทำลายเอกสาร หรืออาจทำเป็นอุบัติเหตุ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ก็ต้องช่วยกันดูตรงนี้ เฝ้าระวังร่วมกัน
ด้านเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดยะลา ให้ข้อมูลว่าเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบัญชีของสหกรณ์แห่งนี้ แล้วพบว่ามีความผิดปกติ จึงได้ติดต่อไปยังสมาชิกของสหกรณ์ ให้นำสมุดบัญชีมาตรวจสอบ เพื่อที่จะยืนยันยอด ซึ่งก็พบว่ายอดเงินฝากของสมาชิกหลายรายหายไปจริง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นจำนวนเท่าไหร่ เนื่องจากยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมจากสมาชิกรายอื่นๆ ด้วย ส่วนข้อมูลที่ได้ทั้งหมดก็จะส่งไปยังนายทะเบียนสหกรณ์จังหวัดยะลา เพื่อดำเนินการต่อไป