คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ กำหนดพบปะแบบเต็มคณะครั้งที่ 5 วันที่ 1-2 ส.ค.นี้ พร้อมชงข้อเสนอ “เข้าพรรษาสันติ” ของกลุ่มชาวพุทธขึ้นทำข้อตกลงกับผู้เห็นต่าง ด้าน “บิ๊กป้อม” สั่งเร่งเดินหน้าโครงการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรชายแดนใต้ เน้นประชาชนมีส่วนร่วม หวังยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยเฉพาะการปลูกพืชพลังงาน ทำปศุสัตว์ ก้าวสู่ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล
ความเคลื่อนไหวของโต๊ะพุดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 5-6 ก.ค.65 พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ได้มอบหมาย พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5( ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา (ผบ.ฉก.สงขลา) เป็นผู้แทน พร้อมด้วยผู้แทนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เดินทางไปเมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุม “คณะทำงานเทคนิค” กับคณะผู้แทนฝ่ายบีอาร์เอ็น ในคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ เพื่อเตรียมการพูดคุยฯเต็มคณะในห้วงต่อไป
โดยคู่พูดคุยทั้งสองเห็นพ้องกำหนดให้มีการพูดคุยเต็มคณะ ครั้งที่ 5 ในห้วง 1-2 ส.ค.65 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งฝ่ายรัฐบาลนำโดย พล.อ. วัลลภ และฝ่ายบีอาร์เอ็น นำโดย อุสตาสอานัส อับดุลเราะห์มาน
ตลอดการพบปะ 2 วันที่ผ่านมา (5-6 ก.ค.) คู่พูดคุยทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างตรงไปตรงมา ในประเด็นการขับเคลื่อนหลักการทั่วไปว่าด้วยกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (General Principles of the Peace Dialogue Process) ให้นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมภายในสิ้นปี 2565 และต้องเชื่อมโยงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างสัมผัสได้
ในโอกาสนี้ ผู้แทนคณะพูดคุยฯ ได้มอบเอกสารข้อเสนอของภาคประชาชนกลุ่มไทยพุทธให้แก่ผู้แทนบีอาร์เอ็น พร้อมกับหยิบยกข้อเสนอของกลุ่มชาวพุทธรักสันติในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะทำงานเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประสงค์ให้มีการยุติความรุนแรงในห้วงเดือนเข้าพรรษาและประเพณีชักพระ ขึ้นมาปรึกษาหารือกับผู้แทนบีอาร์เอ็นอย่างละเอียดในการพบปะแบบเต็มคณะครั้งต่อไป ซึ่งคณะพูดคุยฯ ถือว่าชาวไทยพุทธเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญในการพื้นที่ และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพด
ทั้งนี้การประชุมข้างต้นเป็นเตรียมการประเด็นเนื้อหาสารัตถะและเตรียมความพร้อมสำหรับการพูดคุยเต็มคณะที่จะมีขึ้นในวันที่ 1-2 ส.ค.65 ให้เป็นไปอย่างราบรื่น โดยจะให้ความสำคัญกับการนำข้อเสนอของภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะการยุติความรุนแรงและความปรองดอง ไปถกแถลงหารือกับบีอาร์เอ็น เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงการลดความรุนแรง การปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่ และการแสวงหาทางออกทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2565 ตามข้อเรียกร้องของประชาชนต่อไป
@@ “บิ๊กป้อม” นั่งหัวโต๊ะถกโครงการพลังงานไฟฟ้าชายแดนใต้
วันจันทร์ที่ 11 ก.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อติดตามความก้าวหน้าการบริหารพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยมี พล.อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ฯ เป็นโครงการด้านการพัฒนาขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความยากจน และจะสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีงานทำ ที่สำคัญจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ด้านความมั่นคง
ดังนั้นคณะรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน จึงเห็นชอบให้มีโครงการนี้ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือการพัฒนาที่เข้าไปช่วยเหลือด้านอาชีพและรายได้ของประชาชนอย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ที่สำคัญโครงการพลังงานไฟฟ้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ฯ จะใช้หลักการบริหารและพัฒนาโดยประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่นำไปสู่การลดปัญหาด้านความมั่นคงได้เป็นอย่างดี เป็นการริเริ่มครั้งสำคัญที่ใช้เรื่องพลังงานซึ่งเป็นเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนมาเป็นเครื่องมือการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
@@ หวังต่อยอดปลูกพืชพลังงาน - ปศุสัตว์ - ฮาลาล
โดยที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการการนำเสนอแนวทางการดำเนินการ พร้อมทั้งขอให้กระทรวงพลังงาน, กระทรวงมหาดไทย, ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินโครงการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เนื่องจากโครงการมีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิ ก่อให้เกิดพื้นที่การเพาะปลูกพืชพลังงานและพืชอาหารสัตว์เป็นวงกว้าง พร้อมกับการส่งเสริมงานปศุสัตว์ขนาดใหญ่ที่นำไปสู่วิสาหกิจชุมชนและอุตสาหกรรมแปรรูปตามกรอบแนวทาง “ระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาลระดับโลกให้ได้
ที่สำคัญการจัดให้มี “กองทุนโรงไฟฟ้าเพื่อชุมชน” ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามศาสนาที่ตนเองนับถือ, การพัฒนาที่สอดรับกับความจำเป็นและความต้องการของพื้นที่ และการจัดสรรทุนการศึกษาที่เชื่อมโยงงานอาชีพที่เกี่ยวข้อง จะเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงเป็นรูปธรรม เป็นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจตามอัตลักษณ์ของพื้นที่ที่รัฐบาลต้องการให้เกิดขึ้นโดยเร็ว
สุดท้าย รองนายกรัฐมนตรี ยังขอให้กระทรวงพลังงานพิจารณารับข้อเสนอการใช้พืชพลังงานเป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า และข้อเสนอราคารับซื้อไฟฟ้าตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ทั้งนี้เพื่อเป็นการจูงใจให้ภาคเอกชนไปดำเนินการ รวมทั้งการให้ ศอ.บต.ได้เป็นส่วนสำคัญในการให้ความเห็นและข้อเสนอแนะของภาคเอกชนที่ประสงค์จะไปพัฒนาพื้นที่ ต้องให้ความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เป็นลำดับแรกด้วย