ศาลปกครองยะลาพิพากษาให้ "ผู้ปกครอง-นักเรียนมุสลิม" ชนะคดีคลุมฮิญาบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี สั่งเพิกถอนระเบียบสถานศึกษา เปิดช่องให้เด็กอิสลามแต่งกายตามหลักศาสนาได้ หลังร้องมานานกว่า 4 ปี ด้านชาวพุทธในพื้นที่เชิญชวนออกมาให้กำลังใจวัด ชี้เจตนาแต่งกายตามระเบียบ ไม่ให้เกิดความแตกแยก
เมื่อเวลา 10.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 21 เม.ย.65 ศาลปกครองยะลาได้นัดฟังคำพิพากษาคดีที่ผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ยื่นร้องต่อศาลปกครอง กรณีโรงเรียนอนุบาลปัตตานีออกคำสั่งห้ามนักเรียนมุสลิมสวมฮิญาบมาเรียน โดยระบุว่าเป็นกฎข้อห้ามของโรงเรียน
ก่อนหน้านี้ทาง ผู้ปกครองนักเรียนได้ยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองจังหวัดสงขลา และศาลปกครองสงขลาได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามโรงเรียนลงโทษนักเรียนที่แต่งกายไม่ตรงตามระเบียบ และให้ทุเลาการบังคับตามระเบียบของโรงเรียนไว้ก่อนแล้ว
สำหรับคำพิพากษาในวันนี้ ศาลปกครองยะลาได้มีคำสั่งเพิกถอน "ระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ว่าด้วยการควบคุมละดูแลความประพฤติ การลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียน พ.ศ.2561" หมวดที่ 3 ว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งการของนักเรียน ในส่วนที่มิได้กำหนดลักษณะเครื่องแต่งกายและการแต่งกายของนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยให้สามารถแต่งเครื่องแบบและการแต่งกายตามข้อกำหนดของศาสนาอิสลามได้
คำพิพากษาที่ออกมา ทำให้ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนมุสลิมรู้สึกปลาบปลื้ม ดีใจ บางรายน้ำตาไหลด้วยความปิติยินดี
ผู้ปกครองนักเรียนรายหนึ่งที่ร่วมฟ้องคดีในครั้งนี้ เผยความรู้สึกว่า “ขอบคุณพระเจ้า พวกเรารู้สึกยินดีมากๆ ที่ได้ฟังคำสั่งศาลปกครองยะลา หลังจากที่เรารอคอยกันมานาน”
“เราได้ยื่นคำร้องตั้งแต่ปี 2561 ที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลา จนถึงวันนี้เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งครั้งแรกศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีของเด็กนักเรียนหญิงให้สามารถแต่งกายสวมผ้าคลุมศีรษะ หรือ ฮิญาบได้ ส่วนนักเรียนชายให้สวมกางเกงขายาว มีจำนวนทั้งหมด 20 ราย ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาทางโรงเรียนอนุบาลได้ขอให้ย้ายเรื่องมาที่ศาลปกครองจังหวัดยะลา กระทั่งได้มาฟังคำพิพากษาในวันนี้”
ผู้ปกครองรายเดิม บอกอีกว่า ถึงแม้วันนี้น้องๆ หลายคนได้เรียนจบออกไปจากโรงเรียนอนุบาลปัตตานีแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังเรียนอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาและบรรทัดฐานให้โรงเรียนอื่นๆ ในพื้นที่ได้พิจารณาทบทวนระเบียบการแต่งกายต่อไป เพราะที่เราต่อสู้เรียกร้องนั้นไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด เป็นระเบียบที่ถูกต้องตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้เดือดร้อนต่อศาสนิกอื่นแต่อย่างใด
“วันนี้จึงขอขอบคุณอีกครั้งกับทุกคนที่ร่วมต่อสู้กันมา และขอบคุณอีกหลายคนที่ช่วยผลักดัน นักกฎหมายที่ช่วยเขียนสำนวน และอีกหลายๆ ท่านที่ขอสงวนนามไว้ด้วย” ผู้ปกครองนักเรียนมุสลิม กล่าว
@@ "ชาวพุทธ" ชวนให้กำลังใจวัด ชี้เจตนาป้องกันแตกแยก
ก่อนหน้าศาลปกครองยะลาจะมีคำพิพากษาคดีนี้ ได้มีการแชร์ข้อความที่ระบุว่า เป็นเสียงจากชาวพุทธเกี่ยวกับคดีฮิญาบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี
“กฎหมู่ที่อยู่เหนือกฎทั้งปวง โรงเรียนอนุบาลปัตตานีใช้พื้นที่ของวัดนพวงศารามเป็นที่ตั้งของโรงเรียน แต่อิสลามจะขอคลุมฮิญาบในโรงเรียน ซึ่งเจ้าอาวาสที่อนุญาตให้สร้างโรงเรียน ได้มีคำสั่งเป็นหนังสือสัญญาให้แต่งกายตามระเบียบของโรงเรียน แต่นักเรียนอิสลามจะมาขอคลุมฮิญาบ ทางวัดไม่อนุญาตให้คลุมฮิญาบ เพราะเป็นพื้นที่ของวัด และได้มีหนังสือคำสั่งของเจ้าอาวาสที่อนุญาตให้สร้าง สั่งให้แต่งกายให้ถูกระเบียบของโรงเรียน เพื่อไม่ให้เป็นการแตกแยกในโรงเรียนเดียวกัน ต้องแต่งกายเหมือนกันทั้งพุทธ มุสลิม แต่ทางอิสลามไม่ยอม ได้นำเรื่องนี้ฟ้องศาล ได้กล่าวหาว่าทางวัดละเมิดสิทธิ
ในวันที่ 21 เม.ย. เวลา 09.00 น. จะมีการตัดสินในศาลชั้นต้น จึงขอเรียนเชิญพี่น้องคนไทยพุทธที่รักในความเป็นธรรมใน จ.ยะลา และพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมให้กำลังใจท่านเจ้าอาวาสที่ท่านโดนละเมิดสิทธิ์ในบ้านท่าน แต่ท่านกลับโดนฟ้องว่าละเมิดสิทธิ์คนอื่น ส่วนโรงพยาบาลต่างๆ ที่ทำ MOU กับอิสลามเรื่องฮาลาล อีกหน่อยก็จะมีครัวฮาลาลเกิดขึ้น แล้วครัวไทยพุทธก็จะหายเหมือนกับโรงพยาบาลยะลา”
สำหรับข้อเขียนนี้มีการโพสต์ก่อนวันอ่านคำพิพากษา 1 วัน ส่วนคำพิพากษาที่ออกมา ยังถือว่าเป็นศาลชั้นต้น คู่ความยังสามารถอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้