ทหารยศร้อยโท ชักปืนยิงจ่าทหารพรานดับ - อส.ทพ.บาดเจ็บ ในร้านข้าวต้มกลางเมืองยะลา “ผู้การทินกร” เผยเหตุจากเขม่นกันเรื่องยศ ตั้งข้อหาฆ่า-พยายามฆ่า ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารไฟเขียวดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่
เหตุเจ้าหน้าที่ยิงกันเองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.54 น.วันพุธที่ 20 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนภายในร้านข้าวต้ม “น้องฟ้า” ตั้งอยู่ริมถนนจงรักษ์ ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ จ.ส.อ.ธวัช วงค์พลาย ตำแหน่งรองผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4614 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ส่วนผู้บาดเจ็บ คือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) อชัชชานนท์ ลายสิงห์ เป็นทหารพรานสังกัดกองร้อยเดียวกัน โดยทีมกู้ชีพ-กู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะลา นำร่างผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลยะลา
ส่วนผู้ก่อเหตุได้รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ ร.ท.พจน์จรินทร์ วังขุนพรหม สังกัดกองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 152 (ร.152.พัน 3) พร้อมของกลางอาวุธปืน ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว และส่งมอบของกลางให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจพิสูจน์
เบื้องต้นสาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทกัน โดยที่ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ด้าน พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ตอนนี้ผู้ก่อเหตุมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และได้สอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ทั้งคู่ทะเลาะในร้านข้าวต้มน้องฟ้า สุดท้ายมีการทำร้ายกัน ผู้ก่อเหตุได้ชักอาวุธปืนพกสั้นยิง เท่าที่ฟังจากพนักงานสอบสวนเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี เรื่องยศตำแหน่ง ซึ่งการดำเนินคดีได้ตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและพยายามฆ่า
เรื่องการประกันตัวอยู่ที่ดุลพินิจของทางผู้กำกับการ สภ.เมืองยะลา โดยต้องพิจารณาว่าผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง ให้อำนาจไปพิจารณา แต่เท่าที่ทราบ พบว่า หลังก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุนั่งรอมอบตัวสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป เท่าที่ฟังจากพนักงานสอบสวนยังทราบว่า ทั้ง 2 ฝ่ายมีอาการมึนเมา และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากที่อื่นก่อนมาเจอกันที่ร้าน และเกิดเหตุทะเลาะกัน
ผบก.ภ.จว.ยะลา กล่าวอีกว่า เรื่องคดีไม่หนักใจ เนื่องจากทางผู้บังคับบัญชาของผู้ก่อเหตุให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นทหารทั้งคู่ พร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้เน้นย้ำกำลังพลทุกฝ่ายถึงเรื่องการพกอาวุธไปดื่มสุรา ให้ทุกคนมีสติ สิ่งสำคัญในห้วงนี้เป็นช่วงของเดือนรอมฎอน ฮ.ศ.1443 ของพี่น้องมุสลิม เป็นห้วงของเดือนสันติภาพ เจ้าหน้าที่ต้องรักษาความสงบในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใดๆ