กรมท่าอากาศยาน ได้ฤกษ์ชี้แจงคำสั่งย้าย “ผอ.สนามบินเบตง” ยืนยันไร้การกลั่นแกล้งจากฝ่ายการเมือง อ้างเหตุละเลยข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เปิดข้อมูลเบื้องหลังไฟลท์บินเจ้าปัญหามีแกนนำพรรคฝ่ายค้านนั่งมาในไฟลท์การกุศล
จากกรณีที่มีหนังสือคำสั่งย้าย นางดวงพร สุวรรณมณี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส ช่วยรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง ให้ไปช่วยปฏิบัติราชการที่กองควบคุมมาตรฐานสนามบิน โดยหลายฝ่ายคาดว่า มีความเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีการปล่อยให้รถตู้เข้าไปรับผู้โดยสารเที่ยวบินพิเศษของ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่มาพร้อมกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เลขาธิการพรรค และ ส.ส.ของพรรค เพื่อไปทำกิจกรรมการกุศลในพื้นที่ อ.เบตง เมื่อวันที่ 19 ก.พ.65 ทีผ่านมานั้น
ล่าสุด กลุ่มสื่อสารองค์กร สำนักงานเลขานุการกรมท่าอากาศยาน ได้มีคำชี้แจงกรณีดังกล่าว ผ่านเอกสารข่าวกรมท่าอากาศยาน ฉบับที่ 12/2565 โดยมีเนื้อหาดังนี้
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวถึงกรณีที่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง โดยมีการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องและพาดพิงกล่าวหาถึงที่มาของคำสั่งในเชิงการกลั่นแกล้งจากฝ่ายการเมือง ทำให้ข้าราชการตกเป็นแพะรับบาปนั้น ทาง ทย.ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
โดยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในคำสั่งดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดระเบียบท่าอากาศยานเบตง ว่าด้วยการควบคุมยานพาหนะในเขตการบิน พ.ศ.2563 ตามมาตรฐานความปลอดภัยอากาศยาน ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 3 ประเด็น คือ
1.การนำยานพาหนะที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในลานจอดอากาศยาน โดยผู้ขับขี่ที่มิใช่ผู้ให้บริการภาคพื้นภายในลานจอดอากาศยาน ซึ่งผ่านการฝึกอบรมการขับขี่และการควบคุมยานพาหนะภายในลานจอดอากาศยานจากบริษัทผู้ดำเนินการเดินอากาศหรือบริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น เข้าไปรับผู้โดยสารหรือสิ่งของที่มากับอากาศยานภายในลานจอดอากาศยานและอยู่ในระยะใกล้ชิดกับอากาศยานโดยไม่มีเหตุอันควรที่จำเป็นหรือเหตุฉุกเฉิน จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับอากาศยานหรือผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นภายในบริเวณลานจอดอากาศยาน ผิดข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยภายในลานจอดอากาศยาน
2.การอ้างว่า มีผู้โดยสารที่เจ็บป่วยหรือเดินเท้าด้วยตนเองไม่ได้ จึงนำรถไปรับในลานจอด ซึ่งข้อเท็จจริงสามารถประสานขอใช้รถเข็น (wheel chair) จากผู้ให้บริการภาคพื้นเป็นผู้ดำเนินการ
การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง ได้มีการละเลยหรือไม่มีการควบคุมการปฎิบัติให้เป็นไปเพื่อความปลอดภัย โดยการที่ผู้พิการหรือผู้สูงอายุไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง เจ้าของอากาศยานต้องแจ้งให้สนามบินทราบ เพื่อทำการเตรียมรถเข็นที่ผ่านขบวนการตรวจสอบทางด้านการรักษาความปลอดภัยแล้วเท่านั้นที่ไปรับผู้โดยสารได้
หากไม่มีการร้องขอแล้วพบว่า มีพาหนะหรืออุปกรณ์ใดๆ ที่นำเข้าไปรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุแล้วยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยสนามบิน ต้องทำการยับยั้งและหยุดการกระทำของพาหนะหรืออุปกรณ์นั้นๆ โดยทันที เพื่อเข้าขบวนการตรวจสอบหรือขบวนการอนุญาตต่อไป
3.การขนสัมภาระจำนวนมากที่มากับอากาศยานเช่าเหมาลำ ไม่มีการประสานให้ได้รับการตรวจสอบจากท่าอากาศยานเบตงก่อน
อนึ่งการขนบุคคลหรือสิ่งของที่มากับอากาศยานจะต้องดำเนินการโดยผู้ที่มีหน้าที่ให้บริการภาคพื้นและได้รับอนุญาตจากสนามบินให้เข้าทำการได้ภายในเขตลานจอดอากาศยานเท่านั้น ในกรณีสัมภาระที่มากับอากาศยานเช่าเหมาลำแล้วจะนำหรือขนสัมภาระนั้นออกจากสนามบิน เจ้าของอากาศยานต้องแสดงหลักฐานรายการสัมภาระพร้อมการรับรองการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัยจากสนามบินต้นทางก่อน หากไม่มีการกระทำดังกล่าว สนามบินปลายทางต้องทำการตรวจสอบสัมภาระนั้นตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยสนามบิน
ทั้งนี้การกำกับมาตรการดูแลบุคคลและยานพาหนะภายในเขตพื้นที่การบิน จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้จัดการสนามบินเบตง ซึ่งในกรณีหมายถึงผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการควบคุมดูแลมิให้บุคคลหรือยานพาหนะฝ่าฝืนข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย
ดังนั้นการออกคำสั่งดังกล่าวจึงไม่มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด หากแต่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของการตรวจสอบอย่างถูกต้องเหมาะสมและท่าอากาศยานเบตงยังคงสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ท่าอากาศยานอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังเกิดกรณีคำสั่งย้ายผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติเบตง ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ โดยเฉพาะจากแกนนำพรรคประชาชาติที่ให้สัมภาษณ์สื่อหลายแขนงว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องการเมืองที่โยงกรณีฝ่ายค้านลงพื้นที่เพื่อทำกิจกรรม เมื่อได้รับการอำนวยความสะดวกจากรถยนต์และทีมงานในพื้นที่ซึ่งได้รับอนุญาต จึงมีการพยายามหาแพะรับบาป