คำกล่าวเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เหมือนเป็นการระบายความอัดอั้นตันใจของผู้นำประเทศ
เนื้อหาของคำกล่าว มีทั้งที่อยู่ในวาระ และน่าจะมีบางส่วนไม่ได้ร่างเอาไว้ก่อน แต่เป็นความรู้สึกล้วนๆ
@@ สานต่อ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
“เป็นไปตามนโยบายสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” นายกฯกล่าวถึงโครงการก่อสร้างสนามบินเบตง ก่อนจะอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการขับเคลื่อนโครงการนี้
“เป้าหมายเพื่อการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เบตงถือว่าเป็นเมืองชายแดนที่มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ การค้า พี่น้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ตลอดจนเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม ทำให้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวแบบต่อเนื่อง”
สนามบินเบตง เป็นสนามบินแห่งที่ 29 ของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นการส่งเสริมการขนส่งทางอากาศ และทำให้เบตงเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเกิดความสะดวกในการเดินทาง พี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเกิดความสะดวกด้านการขนส่งทางบกและทางอากาศให้เกิดระบบขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบเพื่อจะสามารถรองรับการค้าและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
@@ โครงการแห่งความภาคภูมิใจ
แม้สนามบินเบตงจะอยู่ในฝันหรือวิสัยทัศน์ของใครบางคนมาก่อนหน้านี้ แต่ปฏิเสธว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สมัยแรก คือผู้ที่ปักหมุดและขับเคลื่อนให้เกิดสนามบินแห่งนี้ได้จริง
“รัฐบาลไม่เคยหยุดยั้งการพัฒนาประเทศ ผมก็มีความกังวลต่อการพัฒนาในภาคใต้นานพอสมควรแล้วว่าทำอย่างไรให้เกิดการพัฒนาในภาคใต้ให้ทัดเทียมกับภาคอื่นๆ ทุกอย่าง”
“สนามบินเบตงเราเริ่มให้มีการศึกษาและก่อสร้างตั้งแต่ปี 2558 ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสำเร็จมาถึงวันนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา และต้องสร้างความเข้าใจ ต้องชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้ถี่ถ้วน จนสามารถอนุมัติงบประมาณออกมาได้ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งรัฐบาลที่ผ่านมา 2 รัฐบาล โดยมีผมเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้สำเร็จถึงวันนี้ได้”
@@ รัฐบาลยังมีศักยภาพ
จากนั้นนายกฯ ได้เปรยถึงสถานการณ์โลก และความพยายามของรัฐบาลในการจัดการปัญหา พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีศักยภาพ ซึ่งโดยนัยน่าจะหมายถึงเสถียรภาพในการเป็นรัฐบาลต่อไปด้วย ท่ามกลางข่าวร้ายๆ ว่าจะยุบสภา หรือต้องโบกมือลาก่อนครบวาระ
“วันนี้เราอยู่ท่ามกลางปัญหาที่มันค่อนข้างจะรุนแรงในสถานการณ์ของต่างประเทศ และในภูมิภาค ทุกคนทราบดี แน่นอนว่าประเทศไทยต้องได้รับผลกระทบ รัฐบาลมีความพยายามอย่างยิ่ง คือทำอย่างไรจะลดผลกระทบให้มากที่สุด จะบอกว่าไม่ให้เกิดผลกระทบเลยมันคงยากพอสมควร ประเทศอื่นก็เจอปัญหาเดียวกับเราทั้งหม ดอยู่ในวงล้อมเดียวกัน ไม่ใช่เฉพาะเรา”
“ประเทศที่กำลังมีปัญหาอยู่ทั้งหมดเป็นภูมิภาคของโลกใบนี้ ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าของผู้บริโภค กระทบกระเทือนไปทั้งโลกแน่นอน อาเซียน ประเทศไทยได้รับผลกระทบ ผมเองก็มีดำริไปแล้วว่าเราจะต้องทำรายได้ของเราให้เข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด วางแผนมานานพอสมควร แต่มันก็อาจมีปัญหาบ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือ ความเข้าใจ ความรักความสามัคคี ผมยืนยันรัฐบาลยังคงมีศักยภาพ”
@@ เรียกร้องสามัคคี จับมือฝ่าวิกฤติ
“ผมยืนยันว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกคนในประเทศนี้ให้ได้ แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา เราทำเรื่องอดีต แก้ไขปัจจุบัน ทำให้มันดีขึ้น แล้วก็สร้างอนาคตไว้ ก็คือเศรษฐกิจใหม่ เพราะทั้งหมดเน้นการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศในเรื่องของอุตสาหกรรมใหม่ทั้งหมด เพื่อเพิ่มรายได้ GDP ของประเทศไทยให้สูงขึ้น”
“เราควรจะเป็นประเทศที่อยู่ได้ด้วยตัวเราเอง ผมคิดว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะร่วมกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมรักร่วมสามัคคีกันให้ได้ สถานการณ์ที่มันเกิดขึ้นในปัจจุบัน ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างไร แน่นอนว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ รัฐบาลไม่มีความสุขหรอก คิดทุกวันที่จะแก้ปัญหา”
@@ แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ขออย่าทรยศชาติ
นายกฯวกเข้าสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
“เรื่องความปลอดภัยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ ก็ขอให้ฝ่ายความมั่นคง ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และ ศอ.บต. ทำงานคู่ขนานกันไป ทำตามนโยบายหลักของรัฐบาล ประคับประคองกันไป ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยหัวใจของเรา หัวใจดวงเดียวกัน หัวใจความรักประเทศไทย รักชาติของเรา เป็นอื่นไปไม่ได้เพราะแผ่นดินผืนนี้ เราเกิดที่นี่ เกิดแล้วให้เราอยู่ให้กินจนถึงเราตาย”
“ผืนดินแห่งที่เป็นผืนดินแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นผืนดินที่ทุกคนได้อยู่อาศัย อยู่กันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่พี่น้องโดยตลอด เราทรยศต่อแผ่นดินนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด สิ่งสำคัญที่สุดคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ทำให้เราอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องทบทวนดูว่าเราจะอยู่กันอย่างไร”
@@ หยอดคำหวาน “คิดถึงจังฮู้”
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “วันนี้ผมอาจจะพูดไปเยอะนิดหนึ่ง เพราะความคิดถึง เพราะไม่ค่อยมีโอกาสมาพูดกันบ่อยนัก”
พร้อมฝาก ส.ส.ในพื้นที่ว่า “ไม่ว่าใครจะเป็น ส.ส.พรรคไหนก็ตาม ก็ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่าวันนี้เราได้ทำอะไรไปแล้วหรือยัง อะไรที่เป็นความเดือดร้อน อะไรที่ผมสามารถทำให้ได้ก็จะทำ เพราะเราสัญญากันไว้ว่า เราเป็นรัฐบาลของคนไทย จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
“เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็อย่าไปฟังกันมากนัก เสียสมอง เสียเวลา ที่ผมพูดมากเพราะอะไร เพราะคิดถึงจังฮู้ เดี๋ยวก็ต้องไปทานข้าวใช่หรือไม่ กินข้าวเขาเรียกอะไรนะ หรอยแรงใช่หรือไม่”
พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ เดินทางมากับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD6260 พร้อมผู้โดยสารรวม 63 ที่นั่ง โดยเครื่องบินได้แตะพื้นรันเวย์ ในเวลา 12.00 น. และได้รับการต้อนรับด้วยอุโมงค์น้ำชุ่มฉ่ำ ซึ่งเป็นธรรมเนียมสากลทั่วโลกในการแสดงความยินดี หรือแสดงความต้อนรับเที่ยวบินสำคัญๆ