พรรคการเมืองและนักการเมืองขยับตัวกันคึกคัก เสมือนหนึ่งว่าใกล้ถึงเวลาหย่อนบัตรเลือกตั้งเต็มที ทั้งๆ ที่นายกฯประกาศจะอยู่ถึงครบวาระ แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีใครอยากเชื่อ
วันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค.64 มีการประชุมใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ปรากฏว่าพื้นที่ภาคใต้ได้รับความสนใจ และจับตามองอย่างมาก
เพราะภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาไม่นาน (หลังกลุ่ม นายเนวิน ชิดชอบ พลิกขั้วจากพรรคพลังประชาชน ฝั่งอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หันไปสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เมื่อปี 51) แต่ในการเลือกตั้งปี 62 กลับแจ้งเกิดในภาคใต้ได้อย่างงดงาม คว้าเก้าอี้ ส.ส.ไปได้ 8 ที่นั่ง จาก 50 ที่นั่ง
พื้นที่นี้เคยเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเหมือนถูก “ตีแตก” โดนพลังประชารัฐกวาดไปถึง 13 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 8 ประชาชาติ 6 และรวมพลังประชาชาติไทย 1 รวมเป็น 28 ที่นั่ง ส่วนประชาธิปัตย์ลดฮวบเหลือแค่ 22 ที่นั่ง จากเดิมเคยกวาดเก้าอี้เกือบยกภาค
ความสำเร็จของภูมิใจไทยมาจากการทำงานของ กลุ่มนางนาที รัชกิจประการ ภรรยาของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมีฐานที่มั่นใน จ.พัทลุง
ผลงานที่โดดเด่นก็คือ โค่นพรรคประชาธิปัตย์ในพัทลุงได้ 2 จาก 3 เขต หนึ่งในนั้นคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส. 8 สมัย ขณะที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภูมิใจไทยได้มา 1 เขต และดัน หมอเพชรดาว โต๊ะมีนา เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
หมอเพชรดาว คือ ลูกสาวของ เด่น โต๊ะมีนา อดีต ส.ส.และ ส.ว.ปัตตานี และอดีต รมช.มหาดไทย ผู้นำจิตวิญญาณคนหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ฉะนั้นเลือกตั้งหนหน้าจึงมองข้ามภูมิใจไทยไม่ได้ ทั้งภาคใต้ตอนบน ตอนกลาง และสามจังหวัดชายแดน
@@ นัจมุดดีน สวมเสื้อ ภท. ลุยเขต 3 นราธิวาส
โดยเฉพาะพื้นที่ปลายด้ามขวาน ก่อนหน้านี้ นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.นราธิวาสหลายสมัย เขียนจดหมายด้วยลายมือ ลาออกจากพรรคประชาชาติ โดยให้เหตุผลเรื่องความจำเป็นทางการเมือง และความทับซ้อนเรื่องตัวผู้สมัคร ขณะนั้นมีข่าวเตรียมย้ายซบภูมิใจไทย ซึ่ง “ทีมข่าวอิศรา” ก็รายงานเอาไว้
ล่าสุด นายนัจมุดดีน ไปร่วมงานประชุมใหญ่พรรคภูมิใจไทย ที่อินดอร์สเตเดียม (ชาติชาย ฮอลล์) จ.นครราชสีมา และเปิดตัวกับผู้สื่อข่าวชัดเจน
“ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว โดยผมมีความคุ้นเคยและติดต่อกับ คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มานาน สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมจะอาสาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย โดยจะลงสมัครพื้นที่เขต 3 จ.นราธิวาส ด้วยแนวทางนโยบายพูดแล้วทำ (สโลแกนใหม่ของภูมิใจไทย) เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียโอกาสมานาน โดยการเลือกตั้งรอบหน้า จ.นราธิวาส มี ส.ส.ได้ 5 คน และด้วยผลงานของหัวหน้าพรรค ก็มั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน”
@@ “ทวี - ประชาชาติ” เตรียมเจาะพื้นที่สงขลา
วันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค.64 ความเคลื่อนไหวการเมืองไม่ได้มีแค่พรรคภูมิใจไทย แต่ยังมีพรรคประชาชาติด้วย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ พบปะสมาชิกพรรค ผู้สนับสนุน และผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สงขลาในนามพรรคประชาชาติ ทั้งเขต 7 เขต 8 และเขตใหม่ของสงขลา (อ.จะนะ, นาทวี, เทพา, สะบ้าย้อย ) ที่ห้องประชุมโรงแรมอัลฟาฮัจย์ หาดใหญ่ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ลงพื้นที่พบปะประชาชน “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” ที่โรงเรียนสันติวิทย์ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็น พร้อมได้มอบดอกกุหลาบให้แก่พี่น้องกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเป็นสมบัติส่วนรวมของคนทั้งประเทศ ทั้งยังแสดงความชื่นชมพี่น้องที่ยืนหยัดรักษาทรัพยากรในท้องถิ่น และสำคัญอย่างยิ่งคือรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมให้คงอยู่
การพบปะพูดคุยกับ “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” เป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยทุกคนร่วมกันรับประทาน ทั้งกลุ่มชาวบ้านที่มารอต้อนรับ และกลุ่มเด็กกำพร้าจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของโรงเรียนสันติวิทย์ด้วย
@@ ให้ทุกคนเป็น “ดาวฤกษ์” ใช้อัตลักษณ์สร้างอนาคตชาติ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวตอนหนึ่งว่า ในโลกสากลถือว่าสถาบันการเมืองเป็นของประชาชน แต่สำหรับประเทศไทยมีการทำรัฐประหารบ่อยครั้ง ทำให้สถาบันการเมืองของประชาชนบางช่วงสูญหายไป สถาบันทหารกลายเป็นสถาบันการเมืองแทน เพราะเมื่อยึดอำนาจแล้วทหารจะมาทำหน้าที่ทางการเมืองแทน ความต่อเนื่องของพรรคการเมือง จึงล้มลุกคลุกคลาน
“สถาบันการเมืองโดยพรรคการเมืองถ้าไม่ฟังเสียงประชาชนหรือไม่ได้ทำเพื่อประชาชนจะถูกเปลี่ยนแปลงได้เร็ว ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะพี่น้องของเรามีความตื่นตัวตื่นรู้ทางการเมือง เมื่อตื่นตัวตื่นรู้ทางการเมืองก็จะเห็นว่าในอนาคตข้างหน้าจะมอบให้ใครทำหน้าที่ ก็เลยไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันเยอะมาก
สำหรับพรรคประชาชาติ ได้บอกในที่ประชุมพรรคเสมอว่า ถ้าประชาชนของเรายังมีความยากลำบากหรือความทุกข์ แปลว่าเรายังมีภารกิจที่จะต้องแก้ปัญหา นี่เป็นจุดยืนที่เราคุยกันว่า อยากให้คนที่จะมาเป็นสมาชิกของพรรคประชาชาติ หรือมาเป็นกรรมการบริหารทุกคน อยากให้เป็น ‘ดาวฤกษ์’ คือใช้อัตลักษณ์ของตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชนที่สามารถพัฒนาหรือสร้างอนาคตให้กับประชาชนได้”
พ.ต.อ.ทวี บอกด้วยว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 62 มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร 80 กว่าพรรค พรรคประชาชาติได้ที่ 7 จาก 80 กว่าพรรค พรรคที่เก่าๆ บางพรรคยังได้น้อยกว่า พรรคบางพรรคมีอดีตนายกรัฐมนตรีก็ยังได้น้อยกว่า
“ถามว่าพอใจไหม ความพอใจที่แท้จริงคือการทำงานทุกอย่างไม่มีความล้มเหลว ความฝันของพรรคประชาชาติ คือพรรคเราอยากเป็นพรรคที่แก้ปัญหาของประเทศชาติได้ ไม่ว่าประชาชนจะอยู่ส่วนใดของประเทศ ถ้าไม่ได้รับความเสมอภาคและไม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว พรรคประชาชาติจะใช้บทบาททางการเมืองเข้าไปแก้ปัญหาให้ทั้งหมด”
เลขาธิการพรรคประชาชาติ บอกด้วยว่า เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคการเมืองต้องมี ส.ส.25 คน ถึงจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ แต่ถ้าจะแก้กฎหมาย อยากจะทำกฎหมายดีๆ ให้ประชาชน จะต้องมี ส.ส. 20 คน ฉะนั้นพรรคประชาชาติจึงต้องทำให้คนรู้จักพรรค ต้องสร้างความเข้าใจว่าถ้าไม่เลือกพรรคนี้จะเสียโอกาส ฉะนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าขอให้ประชาชนให้โอกาสพรรคประชาชาติได้เข้าไปทำงานสภาอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป