ใต้ป่วนรายวัน คนร้ายดักระเบิดขบวนรถของทหารพราน ร้อย ทพ.1005 ในพื้นที่สุไหงปาดี นราธิวาส ขณะนำกำลังไปสนับสนุนภารกิจไล่ล่าคนร้าย โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่รถยนต์เสียหาย ส่วนพ่นสีถนน save จะนะ ลามจากยะลาเข้านราธิวาส
เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.05 น. วันอังคารที่ 14 ธ.ค. 64 ร.ต.อ.สมภพ เกษรมาศ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทหารพราน สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 1005 (ร้อย ทพ.1005) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 10 (ฉก.ทพ.10) บนถนนสายชนบท 4266 ช่วงบ้านตือระ หมู่ 1 ต.สากอ แรงระเบิดทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบพื้นถนนซึ่งเทด้วยยางมะตอย แตกกระจายเพราะแรงระเบิด เป็นหลุมลึกประมาณ 30 เซนติเมตร กว้างเกือบ 100 เซนติเมตร และมีเศษซากชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊ส จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อน คาดว่าน้ำหนักระเบิดรวมประมาณ 25 กิโลกรัม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบเศษกระสอบปุ๋ยสีขาว และเศษชิ้นส่วนของรถกระบะตกกระจายอยู่จำนวนหนึ่ง เป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 3ฒช 3042 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพาหนะของทหารพราน แรงระเบิดทำให้บริเวณกันชนหน้า กระจังหน้า ฝากระโปรงหน้าเสียหาย และกระจกด้านหน้าแตก รถจอดในสภาพเสียหลักห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิด ประมาณ 800 เมตร
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ.1005 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส จำนวน 24 นาย กระจายกันนั่งรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 3 คัน และรถกระบะอีก 3 คัน เดินทางออกจากฐาน เพื่อไปสนับสนุนกำลังพลให้กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 (ฉก.ทพ.48) เพื่อเปิดแผนยุทธการกดดันไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
เมื่อขบวนรถแล่นถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ประกอบไว้ในกระสอบปุ๋ยสีขาว และนำไปวางไว้ริมถนนแบบเร่งด่วน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดทำให้รถกระบะที่ขับปิดท้ายขบวนได้รับความเสียหาย พลขับจึงได้รีบขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 800 เมตร ก่อนที่จะลงจากรถมาตรวจสอบความเสียหาย
เบื้องต้นไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด แต่ตัวรถด้านหน้าได้รับความเสียหายค่อนข้างหนัก เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
@@ พ่นสีถนน “SAVE CHANA” ลามสุไหงปาดี
วันเดียวกัน ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบเหตุการณ์พ่นสีสเปรย์บนพื้นถนนสายชนบท หมายเลข 4266 สุคิริน-สากอ ในพื้นที่ บ้านตือระ หมู่ 1 ต.สากอ อ.สุไหงปาดี ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุระเบิดโจมตีขบวนรถของทหารพราน
จากการตรวจสอบพบร่องรอยพ่นสีสเปรย์ด้วยข้อความภาษาไทยและภาษารูมี มีข้อความให้กำลังใจกลุ่มต่อต้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา มีข้อความว่า "SAVE CHANA หยุดนิคมอุตสาหกรรมจะนะ KITA ADALAH SAUDARA ประเทศกูมี ปาตานี PATANI" ซึ่งทางหน่วยที่เกี่ยวข้องและชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด จ.นราธิวาส ได้ปิดกั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบ
โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังลบข้อความบนพื้นถนน ได้ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเป็นกระสอบสีขาววางอยู่ที่โคนเสาไฟฟ้าริมถนนใกล้ๆ กับจุดที่พบข้อความพ่นสี เจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงทำลาย ปรากฏว่าภายในกระสอบเป็นถังดับเพลิงสภาพเก่า จำนวน 1 ถัง ไม่ได้มีการประกอบเป็นระเบิดแต่อย่างใด คาดว่าคนร้ายสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน
@@ ฟันธงคนร้ายดักบึ้มรถไฟหวังสังหารผู้โดยสาร
ความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดรถไฟขบวนท้องถิ่น ขบวนที่ 452 สุไหงโก-ลก-นครศรีธรรมราช ขณะแล่นผ่านพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กำลังจะเข้าพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีพนักงานรถไฟและประชาชนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น
พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบคนร้ายวางระเบิดไว้บนเนินริมทางรถไฟ ซึ่งอยู่ระดับเดียวกับบริเวณหน้าต่างขบวนรถไฟ เห็นได้ชัดว่าคนร้ายมีความพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อหวังสังหารผู้โดยสารที่เดินทางมากับขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นเหตุการณ์แรกที่คนร้ายมุ่งเป้าหมายแบบนี้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายออกมาร่วมกันประณามต่อพฤติกรรมดังกล่าวด้วย
“ส่วนมาตรการในการรักษาความปลอดภัยหลังจากนี้ เรามีกองร้อย อส.รถไฟประจำอยู่ที่ขบวนรถไฟอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่หน่วยระดับพื้นที่ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลเส้นทางรถไฟตลอดเขตรับผิดชอบ แต่ละพื้นที่ตั้งแต่หาดใหญ่ (สถานีชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา) จนถึงสุไหงโก-ลก รวมไปถึงได้ประสานความร่วมมือไปยังผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้ช่วยกันสังเกตสิ่งปกติในพื้นที่ของต้นเองที่มีขบวนรถไฟผ่าน ซึ่งจะดำเนินการให้รัดกุมและรอบคอบที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง” พล.ต.ปราโมทย์ กล่าว