ชายแดนใต้ฮือฮา สีสเปรย์พ่นถนนโผล่ยะลา “save จะนะ” ขณะที่ “บีอาร์เอ็น” โดดรับ ออกแถลง YouTube “เราคือพี่น้องกัน” เกาะกระแสหนุนกลุ่มต้านนิคมอุตสาหกรรมในนาม “จะนะรักษ์ถิ่น” อีกด้านคนร้ายลอบวางระเบิดรถ อส.ชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา อ.ระแงะ ขณะเดินทางไปฝึก บาดเจ็บ 8 นาย
ท่ามกลางกระแสสังคมที่ให้ความสนใจปัญหาการคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ในโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา หลังมีการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” 37 คนจากด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ธ.ค.64 และเกิดวิวาทะกันเองในพรรครัฐบาล เกี่ยวกับข้อตกลงที่ทำไว้กับชาวจะนะเมื่อปีที่แล้วว่าจะทบทวนโครงการทั้งหมด แต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้านั้น
ล่าสุดช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 9 ธ.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่า พบข้อความพ่นด้วยสีสเปรย์บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ท้องที่บ้านพงยือไร หมู่ 1 ต.บันนังสาเรง อ.เมือง จ.ยะลา เป็นข้อความเกี่ยวกับการคัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางเข้าไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี
เมื่อไปถึง พบข้อความบนถนนถูกพ่นสีสเปรย์ เป็นภาษารูมีว่า "save Chakna kitaadalah sau dara” แปลว่า save จะนะ เราคือพี่น้องกัน และยังมีข้อความอื่นอีกว่า “Save Chana เป็นกำลังใจให้ชาวจะนะ"
การพ่นสีถนนเป็นข้อความเชื่อมโยงกับปัญหาโครงการพัฒนาจะนะในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากคนในองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก มีการโพสต์ภาพที่ถ่ายจากมุมสูง เห็นข้อความขนาดใหญ่บนถนน และชื่นชมว่าเป็นศิลปะ ขณะที่บางคนเรียกว่าเป็น “กราฟิตี้” และว่าการพ่นสีบนถนน เป็นหนึ่งในสันติวิธีที่ใช้บ่อยในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ซึ่งอยู่ในกลุ่มคัดค้านโครงการเมืองต้นแบบฯจะนะ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ข้อความ save Chana กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชน และการเคารพสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเองของคนทั้งประเทศ
@@ บีอาร์เอ็น แพร่คลิปยูทูบ “save จะนะ”
วันเดียวกัน ยังมีคลิปวีดีโอเผยแพร่ผ่านช่องทาง YouTube ในช่องที่ใช้ชื่อว่า “Jabatan Penerangan” ชื่อคลิปว่า “SAVE CHANA-KITA ADALAH SAUDARA” ซึ่งเป็นข้อความเดียวกันกับที่ถูกพ่นด้วยสีสเปรย์บนถนนใน อ.เมืองยะลา
นายอับดุลการิม คาลิด ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบีอาร์เอ็น เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ ความยาว 2.08 นาที มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ปาตานีซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกตน มีความอุดมสมบูรณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แต่กลับอยู่ภายใต้การกดขี่ของประเทศไทย
และยังระบุว่า บีอาร์เอ็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับพี่น้องของตนในจะนะที่กำลังต่อสู้เพื่อความจริง และบีอาร์เอ็นจะประณามรัฐบาลสยามอย่างรุนแรง สำหรับการกระทำที่กดขี่และไร้มนุษยธรรมที่ละเมิดสิทธิในการมีชีวิตของชาวปาตานี
@@ มองต่างมุม “พ่นสี-บีอาร์เอ็น” ร่วมต้านนิคมฯจะนะ
เหตุการณ์พ่นสีบนถนนที่เกิดขึ้น ถูกมองผ่านมุมมอง 2 ด้าน
ด้านแรก มีการสร้างกระแสว่า การพ่นสีบนถนนเป็นวิธีการที่กลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นำมาใช้ประท้วงรัฐไทย หรือรัฐบาลไทยมาทุกยุค ในช่วงที่มีสถานการณ์ไฟใต้เกือบตลอด 18 ปีที่ผ่านมา ซึ่งข้อความส่วนใหญ่เป็นการโจมตีรัฐไทย และเรียกร้องประกาศเอกราชปัตตานี
ฉะนั้นการที่มีการพ่นสีบนถนนเพื่อสนับสนุนกลุ่มที่คัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ทำให้ถูกมองจากบางฝ่ายในแง่ลบ คล้ายกับว่าปัญหาจะนะโยงไปถึงกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือขบวนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้
ยิ่งขบวนการบีอาร์เอ็น ถึงกับออกแถลงผ่าน YouTube โจมตีรัฐบาลไทยในเรื่องนี้ ยิ่งทำให้มีการส่งข้อมูลต่อๆ กัน แสดงความกังวลถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างปัญหาการก่อความไม่สงบ กับการคัดค้านโครงการพัฒนาของรัฐ (แม้ว่าจริงๆ อาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกันก็ตาม แต่ถูกมองในแง่ลบ)
แต่อีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งผู้คัดค้านโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ มองว่า คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังแสดงจุดยืนร่วมเคลื่อนไหวเรื่องนี้กับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และถือเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิชุมชน ตลอดจนการตัดสินใจเรื่องการพัฒนาของคนในท้องถิ่นเอง
@@ “ทวี” เยี่ยมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ปักหลักหน้ายูเอ็น
ช่วงค่ำวันเดียวกัน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ เดินทางไปเยี่ยมประชาชน “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” ที่ยังคงปักหลักชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการ โดยยึดพื้นที่ด้านหน้าอาคารสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ
โอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวี ได้ขึ้นปราศรัยและนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนรับฟังปัญหาจากชาวบ้านจะนะอย่างใกล้ชิด
@@ กลุ่มหนุนนิคมฯ จี้ “ลุงตู่” เดินหน้าโครงการ
มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มสนับสนุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะด้วยเช่นกัน
ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลา (หลังเก่า) อ.เมือง จ.สงขลา กลุ่มเครือข่ายประชาชนจะนะอาสาเพื่อพัฒนาถิ่น นำโดย นางมณี อนันทบริพงค์, นายสักริยา อะยามา และชาวบ้านในพื้นที่ ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน และ ต.นาทับ อ.จะนะ (3 ตำบลที่เป็นที่ตั้งโครงการเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต) รวมกว่า 100 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เพื่อเป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ในอนาคตให้แก่ลูกหลานในพื้นที่ โดยมี นายรุ่งโรจน์ และสุบ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ และรับฟังความคิดเห็น
นางมณี ได้อ่านแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาโดยสรุปว่า มีประชาชนในพื้นที่มากกว่าร้อยละ 70–80 เห็นด้วยและสนับสนุนการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ พร้อมมีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ กล่าวคือ
1.ขอให้ “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” กลับมาพูดคุยกันในพื้นที่ โดยให้ตัวแทนรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย คือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนกลางในการพูดคุย สร้างความเข้าใจและประสานความเห็นต่างของคนในพื้นที่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
2.ขอให้การพัฒนาดำเนินการไปตามระบบกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยมีพื้นฐานร่วมกัน คือต้องทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ
3.เรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง อย่าบิดเบือนข่าวสารที่ทำให้สังคมส่วนใหญ่เข้าใจไปในทางที่ผิด
4.ขอเรียนเชิญทุกกลุ่ม สื่อมวลชน นักการเมือง และรัฐบาลลงมารับฟังความคิดเห็น มาร่วมพูดคุย หรือเปิดโอกาสให้กลุ่มคนเห็นด้วยได้แสดงออกถึงความคิดเห็นที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
5.ขอให้หยุดใช้เด็ก สตรี และคนชราเป็นเครื่องมือการทำงาน เพราะต้องการให้เกิดความสามัคคีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะนะ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า
@@ ดักบึ้มรถ อส. ที่ระแงะ บาดเจ็บ 8 นาย
ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 08.14 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนลอบวางระเบิดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน (อส.) ชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา (ชคต.กาลิซา) อ.ระแงะ เหตุเกิดในพื้นที่บ้านบูเก๊ะซามี หมู่ 7 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบเพิงขายของร้างริมถนน ถูกอานุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายทั้งหลัง เศษซากของเพิงขายของกระจายเกลื่อน ปนเปไปกับซากชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ถังแก๊สขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม คาดว่าน้ำหนักดินระเบิดอยู่ที่ประมาณ 25 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน และส่งตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนรถยนต์ที่ อส.ใช้เป็นพาหนะ เป็นกระบะหุ้มเกราะ ยี่ห้อโตโยต้าแบบตอนเดียว รุ่นรีโว่ สีบรอนซ์ ทะเบียน 3ฒฉ 7963 กรุงเทพมหานคร รถมีหลังคาผ้าใบสีดำคลุมส่วนกระบะหลัง จอดอยู่ที่บริเวณจุดตรวจร่วมบูเก๊ะซามี ห่างจากจุดเกิดเหตุระเบิดประมาณ 800 เมตร มีร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายที่บริเวณตัวถังด้านตรงข้ามคนขับ และมีเจ้าหน้าที่ อส.ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 8 นาย ส่วนใหญ่จะมีอาการแน่นหน้าอก หูอื้อ และปวดศีรษะจากแรงอัดระเบิด
จากการสอบสวน อส.อาลีเป็ง วอลี หนึ่งในผู้ประสบเหตุ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ ออกจากฐานชุดคุ้มครองตำบลกาลิซา มีกำลัง อส.ไปด้วยกันทั้งหมด 8 นาย นั่งด้านหน้า 2 นาย นั่งกระบะหลัง 6 นาย เพื่อเดินทางไปร่วมฝึกในการแข่งขันคัดเลือกเป็นกองร้อย อส.ดีเด่นที่ตัวอำเภอระแงะ
เมื่อรถยนต์ผ่านจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเพิงขายของร้างริมถนน ได้เกิดระเบิดขึ้นจากเพิงขายของ โชคดีเป็นจังหวะที่รถแล่นผ่านเพิงดังกล่าวไปแล้ว ทำให้รถยนต์กระบะได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนตนและเพื่อนๆ อส. รวม 8 นาย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยมีอาการหูอื้อและแน่นหน้าอก แต่ก็ยังเดินทางไปร่วมรับการฝึกได้
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเพื่อดักทำร้ายเจ้าหน้าที่รายวัน
@@ เพลิงไหม้รถเก็บขยะ อบต.ปัตตานี
ส่วนเมื่อช่วงค่ำของวันพุธที่ 8 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 19.00 น. ร.ต.ท.สรพร แก้วมี รองสารวัตรสอบสวน สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี รับแจ้งจากผู้นำชุมชนว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้รถเก็บขยะขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บือเระ ส่งผลทำให้ส่วนหัวรถเก็บขยะได้รับความเสียหาย เหตุเกิดบริเวณ อบต. ท้องที่หมู่ 1 ต.บือเระ อ.สายบุรี จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อมชุดพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นยังไม่สรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ว่าเป็นการวางเพลิงหรือไม่