กรณี "ซุกหมายจับเสี่ยโจ้" เดินทางมาถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนายตำรวจระดับ "พันตำรวจโท" ซึ่งไม่ได้นำหมายจับเข้าสารบบเมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่พนักงานสอบสวนอยู่ที่ปัตตานี ผลสอบเบื้องต้นเจ้าตัวยันไม่ได้เก็บหมายไว้เอง แต่จำไม่ได้ส่งให้ใคร ขณะที่อดีตรองจเรตำรวจคนดัง ชี้การกระทำส่อเข้าข่ายผิดอาญา มาตรา 184 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีด้วย
หลังจาก พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) สรุปผลสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีไม่มีหมายจับ "เสี่ยโจ้" นายสหชัย เจียรเสริมสิน ผู้ต้องหาคดีค้าน้ำมันเถื่อน และฟอกเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน ในสารบบหมายจับ ในคดีที่ศาลจังหวัดปัตตานี และศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเป็นที่สุดให้จำคุก "เสี่ยโจ้" ในคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอมในการเคลื่อนย้ายเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งๆ ที่มีหลักฐานว่าได้ส่งหมายจับให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีไปแล้ว จนทำให้ตำรวจสอบสวนกลางต้องปล่อยตัว "เสี่ยโจ้" เป็นอิสระ และเจ้าตัวก็หลบหนีไป ช่วงต้นเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ติดตามจับกุมด้วยความยากลำบากมาเป็นเวลาหลายปีนั้น
เรื่องนี้เป็นกรณีอื้อฉาวอีกครั้งหนึ่งที่พาดพิงถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ พิจารณาเรื่องการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตามที่ ผบช.ภ.9 ได้สรุปผลสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นมาว่า มีตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวน 1 นาย กระทำการบกพร่อง ไม่ได้นำหมายจับบันทึกในสารบบ หลังจากได้รับหมายจับ "เสี่ยโจ้" จากศาลมาแล้ว
ล่าสุด จเรตำรวจแห่งชาติได้เสนอให้ใช้กรรมการร่วมจากสำนักงานจเรตำรวจ และตำรวจภูธรภาค 9 เป็นคณะกรรมการสอบสวน และให้จเรตำรวจ (สบ 8) ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าผู้บัญชาการ เป็นประธานกรรมการ สอบสวน เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการ ปรากฏว่า ผบ.ตร.เห็นชอบด้วย จึงได้ไฟเขียวให้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธาน และมีกรรมการอื่นอีกรวม 9 คน ทั้งจากกองตรวจราชการ 8 และ 9 สำนักงานจเรตำรวจ กับกรรมการจากตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี
@@ พ.ต.ท.คนรับหมาย อ้างไม่ได้เก็บไว้เอง จำไม่ได้ส่งให้ใคร
สำหรับรายละเอียดในคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ลงนามโดย พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร.นั้น ได้อ้างถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ตำรวจภูธรภาค 9 เสนอขึ้นมา สรุปว่า
- ศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมายจับที่ 227/2557 ลงวันที่ 9 ต.ค.2557 ให้จับตัว "เสี่ยโจ้" ในคดีใช้ดวงตราประทับไม้ปลอม และส่งหมายจับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีแล้ว
- พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สภ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา (ตำแหน่งปัจจุบัน) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.สีคิ้ว รักษาราชการแทนพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองปัตตานี เป็นผู้รับหนังสือของศาลจังหวัดปัตตานี พร้อมสำเนาหมายจับจากเจ้าหน้าที่ศาล โดยได้ลงลายมือชื่อและวันที่รับสำเนาหมายจับไว้วันที่ 9 ต.ค.2557
- พ.ต.ท.ชัชวาล ให้การว่าเมื่อได้รับสำเนาหมายจับแล้ว ไม่ได้นำเก็บไว้ที่ตัวเอง แต่จำไม่ได้ว่าส่งสำเนาหมายจับให้กับผู้ใด
- จากการตรวจสอบสารบบหมายจับปี 2557 ทั้งของ สภ.เมืองปัตตานี และกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ไม่มีหมายจับที่ศาลออกเอง ในรายของ "เสี่ยโจ้"
- เมื่อตรวจสอบสมุดรับหนังสือแล้ว ไม่พบว่ามีการลงรับหนังสือจากศาลจังหวัดปัตตานี
- จึงสงสัยว่า พ.ต.ท.ชัชวาล กระทำผิดวินัย จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน
- ถ้าคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่า มีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น ให้รายงานไปที่ ผบ.ตร.โดยเร็ว
@@ "วิรุตม์" ถามตัดตอนหรือไม่ - ชี้พฤติการณ์ส่อผิดอาญา
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองจเรตำรวจ และเลขาธิการสถาบันเพื่อการพัฒนากระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ตั้งข้อสังเกตว่า นายตำรวจที่ถูกตั้งกรรมการสอบ มีหน้าที่ไปรับหมายจับหรือไม่ ถ้าไม่มีหน้าที่แล้วไปรับมาทำไม ผ่านแวะไป หรือว่าใครใช้ให้ไปรับหมายจับ เมื่อรับมาแล้ว จำไม่ได้ว่าส่งให้ใคร เหตุใดจึงจำไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นหมายจับผู้ต้องหาสำคัญ การอ้างว่าจำไม่ได้เป็นการตัดตอนหรือไม่
พ.ต.อ.วิรุตม์ ตั้งข้อสังเกตอีกว่า หากดำเนินการเอาผิดฐาน "บกพร่อง" ซึ่งเป็นความผิดทางวินัย ก็ถือว่าสบายๆ ไม่ต้องซัดทอดถึงใคร เรื่องก็จะจบแค่ตรงนี้ แต่ตนคิดว่าพฤติการณ์นี้เข้าข่ายความผิดอาญาด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะมาตรา 184 ซุกซ่อนเอกสารคำสั่งศาล โทษจำคุก 5 ปี
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 บัญญัติว่า ผู้ใดเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของ พ.ต.อ.วิรุตม์ นั้นยังเป็นเพียงข้อสังเกต และยังไม่มีการชี้ชัดว่ารองผู้กำกับการที่ถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะมีการกระทำเข้าข่ายฐานความผิดนี้หรือไม่ และยังไม่ชัดว่าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะสอบสวนไปถึงการดำเนินคดีอาญาด้วย หรือสอบแค่ความผิดทางวินัยเท่านั้น ฉะนั้น ณ เวลานี้ พ.ต.ท.ชัชวาล จึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และสามารถต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ตามกระบวนการ