มีความคืบหน้าการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2564 ซึ่งปีนี้มีข่าวคราวความไม่ค่อยจะลงตัวออกมาเรียกความสนใจไม่น้อย
จนถึงขณะนี้ ข่าวแจ้งว่ายังไม่มีการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล หรือ “คณะกรรมการ 7 อรหันต์” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน และมีอำนาจหน้าที่พิจารณาบัญชีปรับย้ายนายทหารประจำปี โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะประชุมวันที่ 16 ส.ค.64 ปรากฏว่ายังไม่เคาะ
ปีนี้มีผู้บัญชาการเหล่าทัพเกษียณอายุ 2 คน คือ ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ กับยังมีปลัดกระทรวงกลาโหมว่างอีก 1 ตำแหน่ง
ในส่วนของปลัดกลาโหม น่าจะเคาะลงตัวแล้ว โดยแคนดิเดตอันดับ 1 คือ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก (ตท.20) ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ ก็เท่ากับเป็นการ “ย้ายข้ามห้วย” จากกองทัพบก มาที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ส่วนกองทัพเรือ กับกองทัพอากาศ ยังไม่ลงตัว รอหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ 7 อรหันต์
ขณะที่อีก 1 ตำแหน่ง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นตำแหน่งนอกกองทัพ แต่หลังๆ กำลังจะกลายเป็นตำแหน่งในกองทัพ ก็คือ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ล่าสุดมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เห็นชอบให้ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหาร อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 (ตท.22) ย้ายข้ามห้วยไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. แทน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการ
การส่งเสนาธิการทหาร พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ไปนั่งเก้าอี้เลขาฯสมช. ก็ด้วยเหตุผลการแก้ไขปัญหา “เก้าอี้ในกองทัพ” เนื่องจาก พล.อ.สุพจน์ เกษียณปีเดียวกับ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) คนปัจจุบัน ฉะนั้นถ้ารอต่อไป ก็จะไม่ได้ขึ้นเป็นผู้นำหน่วย จึงโยกไปเป็นเลขาธิการ สมช.แทน โดย พล.อ.สุพจน์ เป็น ตท.22 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก
การตัดสินใจแบบนี้ของฝ่ายการเมืองที่เป็นอดีตทหารด้วย โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จ้นทร์โอชา ทำให้คิดได้หรือไม่ว่า ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. กลายเป็น “ตำแหน่งอะไหล่กองทัพ” มีไว้เพื่อโยกแคนดิเดตอกหัก มานั่งเพื่อเป็นเก้าอี้ปลอบใจ เหมือนกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตรองผบ.ทบ. ที่ขึ้นเบอร์ 1 กองทัพบกไม่ได้ จะโยกไปปลัดกระทรวงกลาโหมก็มีแคนดิเดตสายแข็งกว่า สุดท้ายก็ต้องมาจบที่เลขาธิการ สมช.
คำถามที่น่าคิดก็คือ ข้าราชการพลเรือนที่อยู่ในหน่วยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะรู้สึกอย่างไร เพราะรับราชการมาตลอดชีวิต ทำดีมาตลอด แต่จบชีวิตราชการสูงสุดได้แค่ รองเลขาฯสมช. เพราะตำแหน่งเลขาฯ มีนายพลอกหักจากกองทัพมานั่งปีละคน
ย้อนกลับไปตั้งแต่ คสช.จะควบคุมอำนาจการปกครอง พูดง่ายๆ คือยุค พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ปรากฏว่า พล.อ.สุพจน์ ถ้าได้โยกไปเป็นเลขาธิการ สมช.จริงตามข่าว จะนับเป็นนายทหารคนที่ 5 ในรอบ 6 ปีที่ “ข้ามห้วย” ไปนั่งเลขาฯสมช. เริ่มจาก
ปี 2558 พล.อ.ทวีป เนตรนิยม
ปี 2560 พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้)
ปี 2562 พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา
ปี 2563 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
ปี 2564 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม (ถ้า ครม.เห็นชอบ)
ต้องไม่ลืมว่าภัยคุกคามในปัจจุบัน ไม่ใช่ภัยคุกคามจากอริราชศัตรูเป็นหลักอีกต่อไปแล้ว ขณะที่ภัยทางความมั่นคง ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ภัยทางทหาร แต่กลับกลายเป็นภัยโรคระบาด อย่างโควิด-19 รวมถึงภัยจากเทคโนโลยี และการ disrupt ต่างๆ
ฉะนั้นการเลือกนายทหารมานั่งแท่นคุมหน่วยงานที่รับผิดชอบงานความมั่นคงของประเทศคนแล้วคนเล่า ทั้งๆ ที่ สมช.ไม่ใช่หน่วยทหาร ย่อมสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความจริงใจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ว่ามีวิสัยทัศน์และความจริงใจมากน้อยเพียงใด