
การที่รัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สู้มหาอุทกภัย เหมือนกับที่เคยใช้สู้ “โรคระบาดโควิด” มีคำถามว่า “ถูกฝาถูกตัว” หรือ “ผิดฝาไม่ถูกตัว” กันแน่ และมีความเหมาะสมแค่ไหน
เพราะเมื่อครั้งที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สู้ภัยโควิดในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีนักกฎหมายคนสำคัญ แม้แต่ อาจารย์วิษณุ เครืองาม ก็เคยเสนอว่า น่าจะเป็นการใช้ครั้งสุดท้าย เพราะควรใช้กฎหมายสาธารณสุข หรือกฎหมายบรรเทาสาธารณภัย แก้ไขปัญหาจะตรงกับสภาพการณ์จริงมากกว่า
@@ เปิด พ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัย กลไกถึงท้องถิ่น
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ก็โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามเรื่องนี้ โดยแนบโครงสร้างการจัดการภัยพิบัติในภาวะวิกฤต ตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 มาประกอบ
โครงสร้างของกฎหมายฉบับนี้ มีคณะกรรมการระดับชาติ และระดับท้องถิ่นดูแลเชื่อมกันอยู่ ซึ่งขณะนี้มีการยกระดับเป็นภัยระดับ 4 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับชาติ
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า โครงสร้างตามกฎหมาย ให้มี คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นแม่งาน โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพอยู่ในโครงสร้างอยู่แล้ว
รูปแบบการทำงานเมื่อเกิดสาธารณภัย หรือภัยพิบัติ จะมีสายการบังคับบัญชาลงไปที่จังหวัด อำเภอ ตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งทำงานใกล้ชิดประชาชน และรู้ข้อมูลในพื้นที่อย่างแท้จริง โดยผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่นจะมีส่วนรับผิดชอบและตัดสินใจการแก้ไขปัญหาหน้างานด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการกำหนดแผน และขั้นตอนการดำเนินงานเมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยขึ้นในแต่ละพื้นที่อย่างชัดเจน ผู้อำนวยการสถานการณ์ในระดับท้องถิ่นมีอำนาจระดมสรรพกำลัง ทั้งคน และอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนอาคารสถานที่ และเครื่องมือสื่อสาร ในการแก้ไข ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย
รวมถึงอำนาจในการห้ามเข้าหรือให้ออกจากพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด ไม่ต่างจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และยังมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการแต่งตั้ง และจัดให้มีอาสาสมัคร พร้อมจัดระบบการทำงานเพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัยด้วย
@@ เปิดอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” อะไรทำรัฐเมินกฎหมายปกติ
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ เหตุใดรัฐบาลจึงเลือกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ซึ่งเคยร่วมออกแบบการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการแก้ไขปัญหาการชุมนุมทางการเมืองของคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 และออกแบบศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.ในครั้งนั้น ตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วความต้องการของรัฐบาลในการจัดการสถานการณ์ที่หาดใหญ่ โดยเฉพาะหากต้องการใช้กำลังทหาร ก็สามารถใช้ “พ.ร.บ.ความมั่นคง” หรือ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ควบคู่กับ พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ ได้อยู่แล้ว
วิธีการคือ จัดตั้งศูนย์คล้ายๆ ศอฉ. (ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) เพราะถือเป็นภัยพิบัติ และใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ประกาศพื้นที่เฉพาะ เปิดทางให้ทหารเข้าไปช่วย
อาจารย์ปณิธาน กล่าวว่า หากให้เดาใจรัฐบาล เชื่อว่าต้องการใช้อำนาจบางอย่างที่มีเฉพาะใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ไม่มีใน พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นั่นก็คือ
1.คุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง เพราะมีมาตรการคุ้มครองสูงสุด เช่น หากประเมินผิดพลาด ล่าช้า มีคนเสียชีวิต ก็ไม่ถือเป็นความผิด หรือฟ้องร้องเอาผิดไม่ได้
2.เมื่อประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะสามารถดึงงบฉุกเฉินออกมาใช้ได้
3.ไม่ต้องทำแผนเสนอสภาก่อน เพราะหากใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ต้องเสนอแผนต่อสภา หรือหากใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็ต้องทำแผนก่อนเช่นกัน
4.ที่สำคัญ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีอำนาจคุมสื่อได้ทุกประเภท ป้องกันข่าวลือ เฟคนิวส์ หรือการโจมตีรัฐบาลอย่างไม่เป็นธรรมได้
สำหรับอำนาจ “ล้นฟ้า” ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ บัญญัติอยู่ในมาตรา 9 ทั้งเคอร์ฟิว ห้ามเสนอข่าว ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ห้ามใช้อาคาร และอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนเกราะป้องกันทางกฎหมายให้กับเจ้าหน้าที่และผู้สั่งการ บัญญัติในมาตรา 17
“พนักงานเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกำหนดนี้ ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับหรือป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย หากเป็นการกระทำที่สุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจำเป็น”
หรือนี่คือเหตุผลสำคัญของการใช้บริการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งเคยใช้มาแล้วใน 3 เหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง
- แก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปี ต่ออายุขยายเวลามาแล้ว 81 ครั้ง
- ควบคุมและสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ปี 2553
- การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2563 (ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ)
ผลเป็นอย่างไร น่าประทับใจหรือยิ่งสร้างปัญหา...คำตอบน่าจะหาได้ไม่ยากเย็น!
@@ ทำความรู้จัก “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”

ชื่อทางการ : พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ประกาศใช้ : 20 ก.ค.2548 ในรัฐบาลไทยรักไทย ซึ่งมี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
สาเหตุที่ตราเป็น พ.ร.ก. : มีความจำเป็นเร่งด่วนด้านความมั่นคง จึงอาศัยอำนาจของคณะรัฐมนตรีตรากฎหมายโดยไม่ผ่านสภา (เสนอสภาเห็นชอบในภายหลัง)

วัตถุประสงค์หลัก : รับมือสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังเกิดเหตุการณ์ดับเมืองยะลา เมื่อ ก.ค.2548
รูปแบบการใช้ : ประกาศพื้นที่ที่มีสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง เพื่อแก้ไขโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้คราวละไม่เกิน 3 เดือน เฉพาะที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขยายเวลามาแล้ว 81 ครั้ง ระยะเวลารวมกว่า 20 ปี

เหตุการณ์อื่นที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ :
- ควบคุมและสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง ปี 2553
- การแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2563 (ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ)
- อุทกภัยใหญ่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ศ.2568
-------------------------
ขอบคุณ : กราฟฟิกจากรายการข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี
