
แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับเองจากการให้สัมภาษณ์ว่า เหตุร้ายชุดใหญ่ที่พุ่งเป้าทำร้าย “เป้าหมายอ่อนแอ” คือเหตุยิงอดีตอุสตาซ ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68
นับจากนั้น “เป้าหมายอ่อนแอ” ก็ตกเป็นเหยื่อคนแล้วคนเล่า โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกองกำลังประชาชน ไม่สามารถปกป้องพวกเขาได้เลย
กลายเป็นภาพสะท้อนที่สร้างการรับรู้ว่า ฝ่ายผู้เหตุรุนแรงควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด แม้ความจริงจะไม่ใช่ขนาดนั้นก็ตาม แต่อดีตข้าราชการที่เคยทำงานในพื้นที่บอกว่า “พื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่ของเราแล้ว เพราะแม้แต่ตำรวจก็ยังทะเลาะกันเอง”
“เป้าหมายอ่อนแอ” คือใคร? ก็คือประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ปกป้องตัวเองจากกลุ่มติดอาวุธไม่ได้ แต่สิ่งที่ผู้ก่อเหตุรุนแรงกระทำ ถือว่าเลวร้ายยิ่งกว่า เพราะมุ่งทำร้าย “กลุ่มเปราะบางในเป้าหมายอ่อนแอ” อีกที นั่นคือ เด็ก คนแก่ คนพิการ
@@ ย้อน 5 เหตุการณ์หลัง 18 เมษาฯ.. คร่า 5 ชีวิต!

ย้อนไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกันในมุมมองของ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4
18 เม.ย. - คนร้ายยิง นายอับดุลรอนิง ลาเตะ อายุ 60 ปี ลูกจ้าง หจก.ฟาร์มิลล์ติ รับเบอร์ เสียชีวิตที่ อ.สุไหงโก-ลก จากนั้นก็ถูกปล่อยข่าวทันทีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ แม้ภายหลังมีการทำประชาคมที่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก มีข้อมูลว่าคนตายไม่ใช่อุสตาซ แต่เรื่องนี้ยังเป็นข้อถกเถียง
20 เม.ย. - โชเล่ย์บอมบ์ริมกำแพงหลังแฟลตโรงพักโคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เด็กฮาฟิซบาดเจ็บนับสิบ (18.50 น.)
- กราดยิงชาวบ้านไทยพุทธขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน บาดเจ็บ 7 ราย ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส (19.00 น.)
22 เม.ย. - ยิงรถตำรวจขณะพาพระ-เณรวัดกุหร่า ออกบิณฑบาต อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา (06.30 น.)
2 พ.ค. - ยิงหญิงชรา ตาบอด เสียชีวิตคาไม้เท้า ลูกชายวัย 50 บาดเจ็บสาหัส ที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส (15.25 น.)
- ยิงบ้านชาวบ้านไทยพุทธ เสียชีวิต 3 ราย มีเด็กหญิง 8-9 ขวบรวมอยู่ด้วย ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส (ช่วงค่ำ)
@@ รัฐเอ่ยชักชวน “เรามาหยุดวงจรความรุนแรงด้วยกัน”
คำถามคือ เมื่อรัฐหรือฝ่ายความมั่นคงรู้แบบนี้แล้ว ได้ทำอะไรเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาบ้าง
22 เม.ย. - แม่ทัพภาค 4 สั่งตั้ง “ศูนย์บังคับการทางยุทธวิธี” เพื่อคุมเข้มพื้นที่รอยต่อระหว่างตำบล อำเภอ ซึ่งเป็นจุดอ่อน ช่องโหว่ของมาตรการรักษาความปลอดภัย และให้เพิ่มการดูแลกลุ่มเปราะบาง “พระ-เณร-เด็ก-ครู-ผู้นำศาสนา-ชุมชนไทยพุทธ”
24 เม.ย. - แม่ทัพภาค 4 ประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดยสารที่สื่อจากแม่ทัพในวันนั้นก็คือ สถานการณ์ในพื้นที่ยังคงมีความพยายามสร้างเหตุความไม่สงบ เป็นผลจากการบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งใช้เป็นเงื่อนไขในการกระทำความรุนแรง, ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนปฏิบัติงานตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอประณามการกระทำรุนแรงที่มุ่งเป้าทำร้ายพี่น้องชาวพุทธ ชาวมุสลิม และพระสงฆ์
25 เม.ย. - กอ.รมน.ภาค 4 สน.ออกแถลงการณ์ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันยุติความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดขายแดนภาคใต้ พร้อมระบุข้อความที่สร้างกระแสฮือฮา
“ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม หากอยากร่วมกันสร้างบ้านเมืองนี้ ต้องเริ่มจากการปกป้องคนในพื้นที่ ไม่ใช่การทำร้าย เพราะรัฐบาลเดินหน้าพัฒนาอย่างเต็มที่ แต่ความรุนแรงยังคงฉุดรั้งเรา ถึงเวลาหยุดวงจรนี้ แล้วเดินไปด้วยกัน สู่สันติสุข”
1 พ.ค. - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งจับกุมคนร้ายสังหารอดีตอุสตาซให้ได้
มีข้อสังเกตที่น่าสนใจจากไทม์ไลน์การแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
- ไม่มีแถลงการณ์ชี้แจงเหตุการณ์ลอบยิงอดีตอุสตาซอย่างเป็นทางการ ทั้งที่เป็นต้นตอข่าวลือ
- วิธีการแก้ไขข่าวลือคืออะไร นอกจากวิงวอนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อข่าวลือ
- ศูนย์บังคับการทางยุทธวิธี ประสบผลสำเร็จจริงหรือไม่ เพราะตั้งแล้วก็ยังเกิดเหตุซ้ำๆ อีกหลายครั้ง
- ประชุมหน่วยขึ้นตรงหลังยิงเณร 2 วัน ช้าไปหรือเปล่า
@@ ยุทธศาสตร์ใหม่ยังไม่มา หัวหน้าพูดคุยยังไม่มี
ฟากฝั่งรัฐบาลในส่วนกลาง ก็มีแอคชั่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
23 เม.ย. - “ภูมิธรรม” สั่ง ผบ.ทบ. + ผบ.ตร. ประชุมทุกฝ่าย ออกมาตรการเร่งด่วนภายใน 7 วัน รับมือสถานการณ์
- เตรียมลงพื้นที่คุยนายอำเภอ ผกก.ทุก สภ. และผู้บังคับกองพันในพื้นที่ (น่าจะเลื่อนไปก่อน)
- รื้อยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ ยังอยู่ในกระบวนการรับฟัง (สั่งมาตั้งแต่ 6 ม.ค.68 ให้เวลา 1 เดือน)
ข้อสังเกตจากท่าทีของฝ่ายการเมืองในส่วนกลาง
1.รัฐบาลไม่มียุทธศาสตร์ดับไฟใต้ของตัวเองอย่างชัดเจน (ไม่มีในนโยบายหาเสียง แต่เคยมีการพูดว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)
2.พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพิ่งต่ออายุขยายเวลาการบังคับใช้เป็นครั้งที่ 80 เมื่อไม่นานนี้
3.รัฐมนตรีที่ดูแลปัญหาไฟใต้อย่างเป็นรูปธรรม คือใคร มีหรือไม่
4.ใครคือหัวหน้าคณะพูดคุยดับไฟใต้คนใหม่
@@ หัวหน้าคณะพูดคุยยังไม่นิ่ง ชื่อ “พล.อ.ชินวัฒน์” มาแรง!
ข่าวการตั้ง “หัวหน้าคณะพูดคุย” มีมาตั้งแต่ก่อนช่วงเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอด โดยมีการตกลงกันภายในของฝ่ายความมั่นคงว่า จะเสนอชื่อ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเคยร่วมอยู่ในคณะพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการชุดแรกที่คุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยคนใหม่ โดยจะประกาศเมื่อ “โครงการรอมฎอนสันติสุข” ประสบความสำเร็จด้วยดี
แต่รอมฎอนปีนี้ กลายเป็นรอมฎอนที่มีเสียงปืนเสียงระเบิดดังระงม ทำให้การประกาศชื่อแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยชะงักไป
ล่าสุดมีข่าวแทรกซ้อน และมีชื่อใหม่เริ่มปรากฏ คือ พล.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช อดีตนายทหารคนสำคัญในกองทัพภาคที่ 4 และศึกษาวิจัยเรื่องบีอาร์เอ็นอย่างแตกฉาน
แต่คำถามคือ ทั้ง 2 ชื่อนี้ หากได้รับแต่งตั้งจริง จะได้รับการยอมรับจากคู่เจรจาอย่างบีอาร์เอ็น รวมถึงเอ็นจีโอ และภาคประชาสังคม รวมถึงพรรคประชาชน ซึ่งเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะหนึ่งในข้อเรียกร้องที่พูดกันมาตลอด และเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคประชาชนด้วยก็คือ หัวหน้าคณะพูดคุยคนใหม่ ควรเป็น “พลเรือน” เสียที
@@ ชาวบ้านสิ้นหวัง รัฐสิ้นท่า ปวงประชาคงรอดยาก!
แอคชั่นที่แสดงออก และการรับมือกับสถานการณ์จริง ทั้งจากฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ และฝ่ายการเมืองในส่วนกลาง ถูกมองจากคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง “สิ้นหวัง”
“รัฐมีอาวุธครบมือยังเอาตัวเองไม่รอด แล้วชาวบ้านจะเอาอะไรมารอด” นี่คือเสียงจากพื้นที่จริง
นางบุษยมาศ อิศดุลย์ ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม ซึ่งดูแลเยาวชนในคดีอาญา กล่าวว่า แถลงการณ์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไม่มีมวลชนกลุ่มไหนให้ค่าเลย ตอนนี้ชาวบ้านตกอยู่ในความเศร้า ตั้งรับกันไม่ทัน หันไปหาที่พึ่งพิงไม่ได้เลย โดยเฉพาะจากหน่วยงานความมั่นคง
“ก็ทางฝ่ายรัฐเองก็ตกเป็นเป้า ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ มีอาวุธครบ ยังสูญเสียต่อเนื่องมา แล้วเป้าหมายอ่อนแออย่างชาวบ้าน จะเอาอะไรมารอดได้ ยิ่งผู้นำศาสนา เด็ก พระ สามเณร ผู้หญิง ไร้ซึ่งการป้องกันตัว ตกเป็นเป้าหมายอ่อนแอได้ตลอดเวลา จะออกมาเรียกร้อง ตะโกนกันอีกเท่าไหร่ให้เขายุติการก่อเหตุ จะประณามกันอีกกี่แสนฉบับ จนชาวบ้านหันมาสาปแช่งคนที่ทำกับพี่น้องเราทั้งสองศาสนา เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างนับครั้งไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”
นางสาวอิสมีนา (สงวนนามสกุล) ชาวอำเภอศรีสาคร จ.นราธิวาส กล่าวว่า แถลงการณ์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และท่าทีของฝ่ายความมั่นคงแบบนี้ไม่ควรเกิดด้วยซ้ำ
“ทุกวันนี้ทหาร ตำรวจ อส. รัฐทุกคน มีอาวุธครบมือ ยังเอาตัวไม่รอด ชาวบ้านตาสีตาสาอย่างเราจะเอาอะไรมารอด ไม่มีที่พึ่งแล้ว ขนาด กอ.รมน.ยังต้องออกหนังสือขอความร่วมมือ แปลว่างานมวลชนไม่ได้เรื่อง งานปราบปรามคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะใช้วิธีสันติได้ การพูดคุยไม่เคยคืบหน้า ได้แต่ทำโครงการดูงาน ไปเที่ยว ศึกษามาตลอด 20 ปี เชิญชาวบ้านไปพูดตลอด 20 ปี พูดมาเยอะแล้ว ตอนนี้ควรลงมือทำได้แล้ว”
“รัฐบาลทุ่มงบประมาณแก้ปัญหาภาคใต้เยอะจนชาวบ้านไม่มีที่พึ่ง แล้วกอ.รมน.ยังกล้าออกหนังสือแถลงการณ์แบบนั้น แปลว่าไร้มวลชนชัดเจน รัฐไม่เคยได้ใจชาวบ้านเลย เสียดายงบ แล้วจะทุ่มงบประมาณมาอีกทำไม่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้”
ไม่ใช่แค่ชาวบ้านทั่วไป แต่เจ้าหน้าที่รัฐด้วยกันในระดับปฏิบัติ ก็งุนงงกับท่าทีของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง
เจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่ง : มันเป็นการโชว์ภาพให้เห็นว่า กอ.รมน.ยุคนี้ มวลชนไม่มี และไม่มีน้ำยาทำงานมวลชนได้ ทำไม่เป็นยังไม่พอ ยังออกมาแสดงให้เพื่อนได้เห็นอีก
เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพัฒนาในพื้นที่ : เขาคงคิดว่า มาช้าแต่ก็มา (แถลงการณ์) มาช้าแต่ชัดเจนว่าทำงานมวลชนไม่ได้ ทำงานมวลชนไม่เป็น ขอไม่ออกความเห็นต่อประเด็นนี้ เพราะอ่านแล้วขำ แถมเพิ่งมาออกแถลงการณ์หลังเหตุการณ์ผ่านมาหลายวัน ศพจะเผาอยู่แล้ว สูญเสียเท่าไหร่แล้ว ยังหาทางเอาใจชาวบ้านมาไม่ได้ ก็เสียดายเวลาที่ผ่านมากับยุทธศาสตร์ที่เป็น ‘โจ๊กหวานเจี๊ยบ’ ของ กอ.รมน.
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง : ยุคนี้ดูแล้วแปลกๆ ทำงานไม่เป็น แต่ก็ขอให้สู้ต่อไปนะ สงสารชาวบ้าน สงสารตัวเองในฐานะคนพื้นที่คนหนึ่งเหมือนกัน
