“เมื่อใดที่ใต้สงบ ต้องสร้างอนุสาวรีย์ให้อีโอดี”
เป็นคำกล่าวของ พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา อดีตผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนและวัตถุระเบิดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่เคยบอกเอาไว้กับคนใกล้ชิด
พล.ต.ท.อัมพร เคยลงไปวางระบบตรวจพยานหลักฐานจากเหตุระเบิด รวมถึงการเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดในช่วงต้นของสถานการณ์ไฟใต้หลังปี 2547 และไปประจำการในพื้นที่อยู่หลายปี จึงได้ทำงานใกล้ชิดกับอีโอดี และมีลูกน้อง ตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก
“ดาบแชน” หรือ พล.ต.ท.แชน วรงคไพสิฐ (ยศหลังได้รับการปูนบำเหน็จ) ตำรวจนักกู้ระเบิดชื่อดัง ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่นราธิวาสบ้านเกิด ก็เป็นลูกน้องคนสนิทคนหนึ่งเช่นกัน
พล.ต.ท.อัมพร เคยกล่าวเอาไว้ว่า อีโอดีทำหน้าที่ด้วยความเสียสละอย่างมาก ทั้งเหนื่อย ทั้งเสี่ยงอันตราย ช่วงแรกๆ อุปกรณ์ป้องกันตัวเองก็ไม่ครบสมบูรณ์เท่าที่ควร และข้อมูลที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือ มีระเบิดมากมายที่อีโอดีเก็บกู้เอาไว้ได้สำเร็จ แต่ไม่เคยเป็นข่าว เพราะข่าวออกแต่ระเบิดที่สร้างความเสียหาย แต่ระเบิดที่เก็บกู้ได้ ช่วยชีวิตคนเอาไว้มากมาย กลับไม่มีใครรู้ เหมือนทำงานปิดทองหลังพระ
เรื่องนี้มีตัวเลขยืนยัน อย่างเช่นสถิติระเบิดที่เก็บกู้ได้ปี 2566 จำนวนระเบิด 250 ลูก เกิดระเบิด 172 ลูก เก็บกู้ได้ 78 ลูก นี่คือผลงานที่ไม่เคยถูกพูดถึงของอีโอดี
เหตุนี้เองจึงควรสร้างอนุสาวรีย์ให้พวกเขา...
@@ แชร์ชีวิต “ดาบเกษม” อีโอดีเหยื่อบึ้มสายบุรี
วันนี้เรื่องราวชีวิตของอีโอดี ถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อมีคนโพสต์เรื่องราวของ ด.ต.เกษม บัวเทศ ตำรวจชุดอีโอดีชายแดนใต้ ซึ่งโดนระเบิดที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2565 จนร่างกายพิการ มีชีวิตลำบาก จึงขอให้ประชาชนช่วยกันบริจาคเพื่อดูแลอีโอดีผู้เสียสละรายนี้
“ปัจจุบันตาบอดทั้งสองข้าง ก่อนหน้านี้ตาข้างนึงมองเห็นเลือนราง แต่ปัจจุบันแทบจะไม่เห็นอะไรแล้ว หูหนึ่งข้างไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรได้เลย เสียแขนไป 1 ข้าง ขาทั้งสองข้างเป็นแผลเป็นเต็มไปหมด
ถามดาบตำรวจเกษมว่าถ้าย้อนเวลาได้ ยังอยากจะเป็นเจ้าหน้าที่อีโอดีและลงไปทำงานที่ 3 จชต.อยู่มั้ย คำตอบคือ ยังจะสมัครใจลงไปเหมือนเดิม เพราะถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครทำ อยากลงไปช่วยเหลือชาวบ้านให้พวกเค้าปลอดภัย
ทีนี้ถามน้องเกษมว่า เสียใจมั้ยที่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ (พิการ) น้องตอบว่าทำใจมาตั้งแต่แรกแล้ว และรู้ว่าจะต้องโดนเข้าซักวัน มั่นใจว่าพี่ๆ น้องๆ อีโอดีทั้งทหารและตำรวจคิดเหมือนน้องเกษม รู้ว่าระเบิดรออยู่ตรงหน้า แต่มันคือหน้าที่และความสมัครใจ ทุกๆ ท่านเลือกที่จะมาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ามันคือการเดิมพันด้วยชีวิตและลมหายใจ กราบหัวใจและความเสียสละของเจ้าหน้าที่อีโอดีทุกๆ นาย ทั้งอีโอดีทหารและอีโอดีตำรวจ”
เป็นข้อความจากเพจ “ร่วมด้วยช่วย 3 จังหวัดชายแดนใต้” พร้อมทิ้งเลขบัญชีธนาคารให้ช่วยกันบริจาค
@@ ย้อนเหตุระเบิดสายบุรี
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบย้อนหลังถึงรายละเอียดเหตุการณ์ที่ ด.ต.เกษม ถูกระเบิด เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 15 เม.ย.65 เริ่มจากเวลาประมาณ 03.10 น. คนร้ายลอบวางระเบิดริมถนนสายชนบท ท้องที่หมู่ 6 บ้านแป้น รอยต่อกับหมู่ 8 บ้านละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี รุ่งเช้าหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (กก.ปพ.ภ.จว.ปัตตานี) เข้าตรวจที่เกิดเหตุ พบวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ริมถนน
ระหว่างพยายามปิดกั้นสถานที่ ได้เกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ EOD ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่ง 2 รายอาการดีขึ้น สามารถกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ ส่วน ด.ต.เกษม ซึ่งอยู่ใกล้จุดระเบิดมากที่สุด มีบาดแผนฉีกขาดบริเวณต้นขาขวา มือซ้ายหัก นิ้วมือด้านซ้ายฉีกขาด ได้รับบาดเจ็บบริเวณตาทั้งสองข้าง อาการสาหัส ต้องรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน ด.ต.เกษม ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้ากรุงเทพฯ อาการดีขึ้นตามลำดับ และแพทย์กำลังจะอนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ในเร็ววันนี้
สำหรับการเปิดรับบริจาคตามเพจ ร่วมด้วยช่วย 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อช่วยเหลือ ด.ต.เกษม มีการให้ข้อมูลเพิ่มว่า ดาบตำรวจอีโอดีรายนี้ ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ลูกทั้ง 2 คนยังเล็ก วัยเพียง 3 ขวบกับ 6 ขวบ เป็นหนี้สหกรณ์ที่ไปกู้มา 1,900,000 บาท หลังเกิดเหตุได้เงินเยียวยา 700,000 บาท ก็ใช้รักษาตัว ใช้เป็นค่าเดินทาง หมดไปตั้งแต่ปีแรก เบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัย เบี้ยสนาม ก็ไม่ได้มาตั้งนานแล้ว เงินเดือนที่ได้รับรายเดือน หลังจากโดนหักสหกรณ์ ก็เหลืออยู่ไม่มาก
@@ โครงการครอบครัวตำรวจฯ รุดช่วย
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบไปยังหน่วยต้นสังกัด ได้ข้อมูลว่า เรื่องราวของ ด.ต.เกษม เป็นเรื่องจริง โดยเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ตาบอดทั้งสองข้าง เสียแขน 1 ข้าง และหู 1 ข้าง ที่ผ่านมาทางต้นสังกัดได้ช่วยเหลือเต็มตามระบบ สูงสุดตามสิทธิ์ที่พึงได้ของทางราชการ ไม่ได้ทอดทิ้ง
ล่าสุด พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พร้อมด้วย นภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ระดับ ตร./ประธานที่ปรึกษาโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” (ด้านตำรวจทุพพลภาพ) และ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) และ พล.ต.ท.หญิง อาภาพรรณ ชลศึกษ์ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 9 และคณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้เยี่ยมบำรุงขวัญ ด.ต.เกษม ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมมอบกระเช้าสิ่งของอุปโภคบริโภค และเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่ง
@@ ผ่า “วงจรวิกฤต” ชีวิตกำลังพลชายแดนใต้
มีข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่อีโอดี ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานใกล้ชิดกับดาบเกษม บอกว่า ปัจจุบัน “ดาบเกษม” ตาบอดสนิททั้งสองข้าง โดยก่อนหน้านี้ยังสามารถมองเห็นได้รางๆ แต่ขณะนี้บอดสนิท
นอกจากนั้น “ดาบเกษม” ยังสูญเสียแขนข้างหนึ่ง และหูข้างหนึ่ง ไม่สามารถได้ยินเสียงใดๆ สภาพร่างกายยังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น โดยเฉพาะบริเวณขาทั้งสองข้าง และตามลำตัว แต่ขณะนี้ “ดาบเกษม” ยังคงได้รับการดูแลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ตามระบบสวัสดิการของต้นสังกัด แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะ “ดาบเกษม” ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว
อนึ่ง ที่ผ่านมาเคยมีการร้องเรียนหลายกรณีจากกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเมื่อถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถานพยาบาลนอกพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (โรงพยาบาล ม.อ.) หรือโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในส่วนกลาง กำลังพลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิ์เบี้ยเลี้ยงสนาม เบี้ยเสี่ยงภัย และวันทวีคูณทันที เพราะถือว่าไม่ได้ปฏิบัติราชการสนามในพื้นที่เสี่ยงภัยตามระเบียบแล้วนั่นเอง
ส่งผลให้กำลังพลเหล่านี้ รายได้ต่อเดือนหายไปทันที อย่างน้อยๆ 5 พันถึง 1 หมื่นบาท (รวมเบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัย ค่าเข้าเวร ค่าประกอบเลี้ยง และอื่นๆ) ทั้งยังเสียสิทธิ์วันทวีคูณ ซึ่งหมายถึงการนับอายุราชการทวีคูณด้วย
ฉะนั้นหากเป็นกำลังพลชั้นผู้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้สหกรณ์ และมีหนี้สินต้องผ่อนชำระเกือบท่วมเงินเดือนอยู่แล้ว ก็จะประสบปัญหาเงินขาดมือทันที และตัวเองก็บาดเจ็บ พิการ ไม่สามารถทำอาชีพเสริมได้ เงินเดือนที่ยังเหลืออยู่ ก็ถูกหักจนเกือบหมด
กลายเป็นอีกหนึ่งวงจรปัญหาของกำลังพลที่เสียสละ รับใช้ชาติ จนได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ แต่คุณภาพชีวิตกลับยิ่งแย่หนักกว่าเก่า
@@ ศอ.บต.” เยี่ยม “จ่าปืน” อีกหนึ่งวีรบุรุษอีโอดี
การติดตามดูแลเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบางรายถึงขั้นพิการ หรือทุพพลภาพ จากการปฏิบัติภารกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จริงๆ แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทอดทิ้ง โดยเฉพาะเจ้าหน้ัาที่อีโอดี หรือ ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด
โดยนอกจากหน่วยต้นสังกัดจะดูแลด้านสวัสดิการตามสิทธิของกำลังพลแต่ละหน่วยแล้ว ยังมี “ทีมเยียวยา” ของ ศอ.บต. หรือ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกติดตามเยี่ยมเยียนให้กำลังใจไม่เคยขาดอีกด้วย
อย่างเช่น จ่าสิบตำรวจ วรวิทย์ ณะรัตตะ หรือ “จ่าปืน” อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ EOD ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ขาขาดทั้งสองข้าง จากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 ที่ ต.เกียร์ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ปัจจุบันกลับไปพักรักษาตัวและใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านตามภูมิลำเนาใน จ.พัทลุง
เมื่อเร็วๆ นี้ นายแพทย์ สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้นำคณะไปเยี่ยม และประสานงานให้ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม ตามระเบียบหลักเกณฑ์ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ เช่น การบรรจุทายาทเข้ารับราชการ เงินทดแทนประกันชีวิต และอื่นๆ พร้อมพูดคุยให้กำลังใจ และมอบกระเช้าเยี่ยมในนามเลขาธิการ ศอ. บต.
สำหรับ “จ่าปืน” ปัจจุบันได้จำหน่ายสินค้าปลาส้ม และผลิตภัณฑ์ตะกร้าสาน ผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นการหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว แม้ได้รับบาดเจ็บจนร่างกายไม่เหมือนเดิม แต่ใจยังสู้ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรับผิดชอบ
@@ เคยคิดว่าไม่รอด ฝากลูกกับรุ่นพี่ ก่อนฮึดพลิกชีวิต
“จ่าปืน” เปิดใจว่า ช่วงแรกเครียดเพราะเดินไม่ได้ และเครียดที่รายได้ไม่พอดูแลครอบครัว เพราะลำพังเงินเดือน 20,000 บาทเศษ แต่ถูกหักเงินกู้สหกรณ์ที่กู้มาซ่อมแซมบ้านก่อนหน้านั้น และเบี้ยเลี้ยง เบี้ยเสี่ยงภัยก็ถูกตัด เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะต้องรักษาตัว แต่ละเดือนเหลือเงินเพียง 3,000 บาท
แต่ชีวิตต้องเดินหน้าต่อ เพราะมีภรรยาและลูกชายอยู่ชั้นอนุบาล 3 ที่ต้องดูแล จึงได้รับปลาส้ม สินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของพัทลุงมาขายออนไลน์ ช่วงแรกขายได้วันละ 10-20 ออเดอร์ เมื่อมีผู้ใช้โซเชียลฯเห็นและเริ่มมีการแชร์ ทำให้ออร์เดอร์เพิ่มขึ้น เคยขายได้สูงสุดวันละ 1,000 ออเดอร์
“ช่วงเกิดเหตุ คิดว่าตัวเองไม่รอดแล้ว หลังเสียงระเบิดสงบ ก้มดูตัวเองขาขาดไปทั้ง 2 ข้าง แว่บแรกที่คิดถึงคือลูกชายและครอบครัว คิดว่าจะไม่รอด จึงฝากฝังลูกชายไว้กับเพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่ด้วยกัน หลังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 7 เดือน กลับมาพักฟื้นที่บ้าน เคยท้อแต่ไม่เคยคิดสั้น ตั้งใจรักษาตัวเองให้ได้ และจะไม่ให้เป็นภาระครอบครัว สุดท้ายได้กำลังใจจากครอบครัวและผู้คนกว่า 3,000 คนที่ส่งข้อความมา จึงมีแรงฮึดสู้ต่อ”
วันนี้ “จ่าปืน” วีรบุรุษอีโอดี ทำธุรกิจด้วยตัวเอง ฝากเชิญชวนผู้สนใจสั่งชื้อปลาส้ม แพ็กละ 200 บาท มี 5 ห่อ และยังมีปลาดุกร้า กับกระเป๋ากระจูด ติดต่อได้ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “Lalita Sunseng” หรือโทรศัพท์ 093-739-1355