“สุพิศ พิทักษ์ธรรม” อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงฯ ชิมลางสนามการเมืองท้องถิ่น เปิดตัวท้าชน “ไพเจน มากสุวรรณ์” นายก อบจ.สงขลา แชมป์เก่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จบดราม่าบ้านใหญ่ ปชป. เจ้าตัวงัดไม้เด็ดดึงอดีตผู้ว่าฯสงขลาคนดัง “สมพร ใช้บางยาง” นั่งที่ปรึกษา พร้อมเปิดตัวยิ่งใหญ่ ส่วนอดีตพรรคก้าวไกลไม่น้อยหน้า เตรียมเข็นผู้สมัครในนามพรรคเช่นกัน
วันเสาร์ที่ 9 พ.ย.67 การเมืองท้องถิ่นในจังหวัดภาคใต้ตอนล่างเริ่มร้อนระอุ โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกอบจ.
โดยที่ จ.สงขลา แม้ว่า นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.คนปัจจุบัน ในฐานะแชมป์เก่า จะไม่ได้ชิงความได้เปรียบด้วยการลาออกก่อนหมดวาระ แต่ล่าสุดก็มีการเปิดตัวผู้รอท้าชิงเรียบร้อยแล้ว
คู่แข่งของนายไพเจน เลือกชั้น 7 โรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า โรงแรมหรูกลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นสถานที่เปิดตัว
โดยผู้ที่ประกาศลงสมัครชิงเก้าอี้นายก อบจ.สงขลา คือ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อดีตอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
@@ ประกาศนโยบาย “5 ทำ”
นายสุพิศ พร้อมทีมผู้บริหาร และผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ.สงขลา ได้แถลงข่าวเปิดตัวผู้สมัคร ในนาม “ทีมสงขลาพลังใหม่” โดยประกาศนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนา อบจ.สงขลาให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งในด้านการปรับปรุงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน, การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว, การส่งเสริมภาคการเกษตรและการแปรรูปสินค้าผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน, ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งในด้านสาธารณสุข ด้านสังคม และการส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
พร้อมประกาศพัฒนา อบจ.สงขลา ให้เป็น อบจ.ที่ทันสมัย โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำงานควบคู่ไปกับนโยบายส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมในจังหวัด เพื่อทำสงขลาให้เป็นเมืองศูนย์กลางในทุกๆ ด้านของภาคใต้
นายสุพิศ กล่าวถึงนโยบายเร่งด่วนของทีมสงขลาพลังใหม่ คือ “5 ทำ” ได้แก่ ทำสงขลาให้เป็นเมืองสะอาด, ทำสงขลาให้เป็นเมืองปลอดภัย, ทำสงขลาให้เป็นเมืองทันสมัย, ทำสงขลาให้เป็นเมืองใส่ใจสุขภาพ และทำสงขลาให้เป็นศูนย์กลางของภาคใต้
@@ อดีตผู้ว่าฯสงขลา - อดีตปลัดแรงงาน ร่วมทีม!
ขณะเดียวกัน นายสุพิศ ได้ประกาศเปิดตัวทีมบริหาร ซึ่งประกอบด้วยรองนายก ที่ปรึกษา และเลขานุการ อบจ.สงขลา ดังนี้
1. นายอำนวย พิณสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา, อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และอดีตผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
2. นายฉัตรเพชร ครุอำโพธิ์ อดีตสมาชิกสภา อบจ.สงขลา อ.สิงหนคร เขตเลือกตั้งที่ 1
3. นางสาวปรินดา ปาลาเร่ รองนายก อบจ.สงขลา ในปัจจุบัน
4. นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย, อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (พ.ศ.2549-2551) และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา (พ.ศ.2546)
5. นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน, อดีตอธิบดีกรมการจัดหางาน และอดีตจัดหางานจังหวัดสงขลา
6. นายพีระพล สาครินทร์ อดีตอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน, อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานภูมิภาคที่ 12 จ.สงขลา
7. นายธนิศร์ ทองสุข อดีตสมาชิกสภา อบจ.สงขลา อ.นาทวี เขตเลือกตั้งที่ 2
นอกจากนี้ยังมีการประกาศเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภา อบจ.สงขลา ในนาม “ทีมสงขลาพลังใหม่” ทั้ง 36 เขตเลือกตั้งพร้อมกันด้วย
@@ ฮือฮา! พาเหรดอดีตบิ๊กราชการ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ชื่อที่เรียกกระแสฮือฮามากที่สุด คือ นายสมพร ใช้บางยาง เพราะเคยเป็นอดีตผู้ว่าฯสงขลาที่มีชื่อเสียง และมีตำแหน่งระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย รวมถึง นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ซึ่งเพิ่งเกษียณจากปลัดกระทรวงแรงงานด้วย
นายสุพิศ กล่าวช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวว่า ขอโอกาสจากพี่น้องชาวสงขลาในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมทั้งขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องชาวจังหวัดสงขลาในการเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาอบจ.สงขลา ทั้ง 36 เขตเลือกตั้ง ในนามทีมสงขลาพลังใหม่ เพราะประกอบด้วยผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ พร้อมรับใช้พี่น้องชาวสงขลาในทุกๆ ด้าน
“สโลแกนของพวกเราคือ เข้าใจ เข้าถึง พึ่งได้ ไม่ทิ้งพื้นที่ ไม่หนีพี่น้องประชาชน และพร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุข กับพี่น้องประชาชนคนสงขลา ทุกคน” นายสุพิศ กล่าวทิ้งท้าย
@@ ย้อนภาวะฝุ่นตลบ “บ้านใหญ่ ปชป.สงขลา”
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ มีประเด็นการคัดตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่ค่อยลงตัวนัก เนื่องจากปัจจุบัน “บ้านใหญ่” ของประชาธิปัตย์ในสงขลามีหลายบ้าน โดยเฉพาะตระกูลบุญญามณี นำโดย นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และอดีตนายก อบจ.สงขลา กับ “บ้านขาวทอง” ที่นำโดย นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกชาย” รมช.สาธารณสุข เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายก อบจ.สงขลา ซึ่งมีข่าวไม่ค่อยลงรอยกัน
การเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อ 4 ปีก่อน คือปี 2563 พรรคประชาธิปัตย์ส่ง นายไพเจน มาสุวรรณ์ ลงชิงเก้าอี้ในนามพรรค และเอาชนะไปได้อย่างสวยงาม ท่ามกลางความถดถอยทางการเมืองและคะแนนนิยมของพรรคใน จ.สงขลา เนื่องจากการเลือกตั้ง สส.ในปี 2562 ก่อนเลือกนายก อบจ.ปีเศษ ปรากฏว่าพรรคประชาธิปัตย์เสียที่นั่ง สส.สงขลาให้กับพรรคอื่นไปถึง 4 ที่นั่งจากทั้งหมด 8 ที่นั่ง โดยเสียให้กับพรรคพลังประชารัฐไปถึง 3 เขต ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งก่อนหน้านั้นแทบทุกครั้ง พรรคประชาธิปัตย์กวาดยกจังหวัดมาโดยตลอด
สนามเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อ 4 ปีก่อน จึงเป็นเดิมพันฟื้นศรัทธา และบ้านใหญ่ของพรรคทุกบ้านก็จับมือกันเฉพาะกิจ กระทั่งพานายไพเจน เข้า อบจ.สงขลาได้
แต่สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ดีขึ้น แม้ในการเลือกตั้งปี 66 จะทวงเก้าอี้ สส.กลับมาได้เป็น 6 ที่นั่งจาก 9 ที่นั่ง แต่สาเหตุสำคัญก็มาจากความถดถอยของพรรคพลังประชารัฐด้วย เนื่องจาก “ลุงตู่” ไปตั้งพรรคใหม่ เหลือแต่ “ลุงป้อม” คุมพรรคเพียงคนเดียว
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์เองที่แตกกันยับ “บ้านใหญ่” สงขลาแทบไม่มองหน้ากัน โดยเฉพาะ “บ้านเสนเนียม” นำโดย นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม ที่ลาออกไปร่วมงานกับพรรคไทยภักดี ขณะที่ “บ้านขาวทอง” กับ “บ้านบุญญามณี” ก็ยืนอยู่คนละขั้ว
โดยเฉพาะการบริหารงานภายในของประชาธิปัตย์ที่มีการผลัดใบครั้งใหญ่ กลุ่มของนายเดชอิศม์ ภายใต้การนำของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคคนใหม่ ขึ้นมามีอำนาจ คุมพรรคแบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงเสียง สส.กว่า 80% (ราวๆ 20-21 ที่นั่งจาก 25 ที่นั่ง) ส่วนกลุ่มของนายนิพนธ์ บุญญามณี กลับกลายเป็น “ฝ่ายอำนาจเก่า” ลูกชายของนายนิพนธ์ คือ นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา เขต 1 เลือกยืนข้าง “ปูชนียบุคคลของพรรค” และคัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ซึ่งมีเสียง สส.ในมือเพียง 4 เสียง
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้สนามเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา ถูกจับตามองอย่างมาก เนื่องจากประชาธิปัตย์ยังเคลียร์กันไม่ลง โดย นายไพเจน ก็แสดงความประสงค์จะลงสมัครรักษาเก้าอี้ต่ออีก 1 สมัย ถึงขนาดไปประกาศกลางที่ประชุมสภา อบจ.สงขลาว่า จะลงสู้ศึกนายกอบจ.อย่างแน่นอน โดยมีภรรยาและลูกสาวเป็นแรงผลักดันสำคัญ และได้แรงหนุนจาก ส.อบจ.หลายคน
ส่วน “บ้านใหญ่” อย่างบ้านบุญญามณี ก็มีข่าวสนับสนุนคนการเมืองท้องถิ่นบางคน เตรียมเปิดตัว ขณะที่ “บ้านขาวทอง” ค่อนข้างเงียบ มีเพียงข่าวนายสุพิศที่เคลื่อนไหวคึกคักมาตลอด แต่ก็ไม่ชัดว่าฝ่ายใดในพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุน
กระทั่ง นายสุพิศ เปิดตัวเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 50 ซึ่งจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพ และชิงชนะเลิศกันไปเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทีมชาติไทยได้ครองแชมป์ด้วย ทำให้คนรู้จักนายสุพิศทั้งเมือง โดยไม่ต้องทุ่มงบประชาสัมพันธ์ตัวเอง
@@ จับจังหวะ “สุพิศ” เปิดตัวผ่านเจ้าภาพคิงส์คัพ
ที่สำคัญในรอบชิงชนะเลิศคิงส์คัพ มีภาพของ นายนิพนธ์ อดีตนายกอบจ.สงขลา ยืนขนาบข้างนายสุพิศ ขณะที่อีกฟากฝั่งเป็น นายเดชอิศม์ ขาวทอง ยืนร่วมเฟรมในภาพเดียวกัน ทำให้ทุกอย่างชัดเจนว่า “บ้านใหญ่เคลียร์จบ สงบศึกชั่วคราว” และตัวแทนผู้สมัครนายก อบจ.สงขลาในนามประชาธิปัตย์ น่าจะเป็นนายสุพิศ กระทั่งมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. แม้จะยังไม่มีการประกาศว่าลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ก็ตาม
งานนี้ถือว่าปิดจ๊อบ สมประโยชน์กันทุกด้าน เพราะ สส.ของประชาธิปัตย์ก็มีส่วนร่วมกับทีมของนายสุพิศแทบทุกคน เช่น พล.ต.ท.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.เขต 8 ประชาธิป้ตย์ ก็ส่งลูกสาว คือ นางสาวปรินดา ปาลาเร่ ลงรองนายก อบจ.
ส่วน นายสมยศ พลายด้วง สส.เขต 3 ประชาธิปัตย์ ก็มีข่าวจะส่งน้องสาวภรรยาลงตำแหน่งรองนายก อบจ.ด้วยเช่นกัน ฯลฯ
งานนี้ต้องบอกว่า เมื่อบ้านใหญ่และนักการเมืองเคลียร์กันหลงตัว ก็เหลือแต่ประชาชนว่าจะอนุญาตให้นายสุพิศเข้ามาทำงานหรือไม่ วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.2568 จะได้รู้กัน
@@ พรรคส้มส่ง “นิรันดร์ จินดานาค” หวังล้มยักษ์
สัจธรรมการเมือง คือ ไม่ได้เล่นข้างเดียว และมีคู่แข่งเสมอ แม้แต่ตัวเต็งและได้รับการสนับสนุนจากบ้านใหญ่อย่าง นายสุพิศ ก็ตาม
เพราะก่อนหน้านี้ พรรคประชาชน หรือก้าวไกลเดิม ก็ได้ประกาศเปิดตัวส่งผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรค ท้าชิงสนาม อบจ.สงขลาด้วย คือ นายนิรันดร์ จินดานาค พื้นเพคนสงขลาโดยกำเนิด จบการศึกษาจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ สงขลา และดีกรีครุศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลุ้นแย่งเก้าอี้
โดยนายนิรันดร์ เขียนข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งว่า "หากท่านเชื่อในโอกาสของจังหวัดสงขลา นี่คือก้าวย่างที่สำคัญที่สุดอีกครั้งในชีวิตของผมครับที่จะเสนอตัวเป็นคนของประชาชนชาวสงขลา...ผม นายนิรันดร์ จินดานาค รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แนะนำตัวให้กับพี่น้องชาวสงขลาได้ทำความรู้จักกับตัวผม เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับการทำงาน สร้างโอกาสใหม่ให้กับจังหวัดของเรา และเสนอมาเป็นความหวังใหม่อีกครั้งขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ผมคือ นิรันดร์ จินดานาค ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในนามพรรคประชาชน (อดีตพรรคก้าวไกล)
ผมมีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถทันที ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน
พี่น้องประชาชนชาวสงขลาที่เคารพ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้เลือกผู้นำที่มีความพร้อม ทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ มาพัฒนาจังหวัดของเราให้เจริญก้าวหน้า และเป็นโอกาสของท่านในการเลือกผมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพื่อการทำงาน
คนธรรมดาคนนี้ รันดร์ทำทันที! ขอบคุณครับ”
@@ สนามเลือกตั้ง อบจ.สงขลา ส่อเดือด!
ทั้งนี้ สนามเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา มีแนวโน้มดุเดือด เพราะพรรคประชาชนเตรียมส่งผู้สมัครในนามพรรค เนื่องจากคะแนนจากการเลือกตั้ง สส. ถือว่าไม่ขี้เหร่
และหาก นายไพเจน มากสุวรรณ์ ไม่ยอมถอนตัว แต่ลงสู้ศึกในนามอิสระ ก็จะทำให้มีผู้ท้าชิงเก้าอี้นายก อบจ.อย่างน้อย 3 คนเลยทีเดียว