แม่ทัพภาคที่ 4 แถลงแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต 3 รายจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบนเทือกเขาตะเว เบื้องต้นเชื่อเป็นเรื่อง "สำคัญผิด" ไฟเขียวดำเนินคดีอาญา พร้อมสั่งตั้งทีมสอบสวน หากพบเป็นความจงใจ ลงโทษสถานหนัก
พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ท.สมพล ปานกุล แม่ทัพน้อยที่ 4 พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุยิงราษฎรเสียชีวิต 3 ราย บนเทือกเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ธ.ค.62
ทั้งนี้ เหตุการณ์ปะทะบนเทือกเขาตะเว มีข่าวจากชาวบ้านยืนยัน และมีการเผยแพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ระบุว่าผู้ตายทั้ง 3 คนไม่ใช่แนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ แต่เป็นเพียงชาวบ้านที่ไปทำงานตัดไม้และหาของป่า เป็นงานปกติประจำทุกวัน ขณะที่ในช่วงเช้าของวันอังคารที่ 17 ธ.ค. ศพของทั้ง 3 คนยังไม่ได้ลำเลียงลงมาทำพิธีทางศาสนาได้ เพราะต้องรอเจ้าหน้าที่ทำการพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลายาวนานกว่า 24 ชั่วโมง ขณะที่ญาติและชาวบ้านรวมตัวกันกว่า 500 คน เพื่อรอคำตอบจากเจ้าหน้าที่ เพราะมีข้อกังขาเกิดขึ้น ทำให้แม่ทัพต้องเดินทางลงพื้นที่ด้วยตนเอง และเปิดแถลงข่าวดังกล่าว
พล.ท.พรศักดิ์ ระบุตอนหนึ่งว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายที่เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐโดยขอยืนยันว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านด้วยความโปร่งใส และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ แม้เบื้องต้นพบว่าเป็นการ "สำคัญผิด" ของเจ้าหน้าที่ แต่หากภายหลังพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิดด้วยความจงใจ ก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาทหารขั้นสูงสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นการขยายผลจากเหตุปะทะกับกลุ่มคนร้ายเมื่อ 4 ธ.ค.62 ในพื้นที่หมู่ 13 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แต่คนร้ายได้หลบหนีไปได้ และจากภาพข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้ายอย่างต่อเนื่องในห้วงที่ผ่านมา จึงได้จัดกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาตะเว โดยเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายครั้งในห้วงที่ผ่านมา
เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้เจอกับกลุ่มบุลคลไม่ทราบฝ่ายประมาณ 4-5 คน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจสอบ แต่คนกลุ่มนี้ได้วิ่งหลบหนี พร้อมกับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3-4 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ยิงตอบโต้ และเมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนที่เหลือได้หลบหนีไปได้ 3 คน
ในห้วงที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้เปิดแผนเข้ากดดันบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่ป่าเขาทุกพื้นที่ พร้อมได้ออกคำสั่งห้ามราษฎรขึ้นไปหาของป่าหรือกระทำสิ่งอื่นใดในพื้นที่ป่าเขา โดยได้แจ้งผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เทือกเขาเมาะแตและเทือกเขาตะเว ถือเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด เพราะเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ได้เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายมาแล้วหลายครั้ง โดยที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดฐานที่มั่นบนพื้นที่เขาตะเวและเขาเมาะแตได้ถึง 8 ฐาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายเป็นราษฎรในหมู่บ้าน ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง แต่ได้สำคัญผิดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ปรากฏภาพข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่เกิดเหตุก็ตาม เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนของหน่วยเพื่อดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและทางอาญาขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีข้อละเว้น
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระจากผู้แทนทุกภาคส่วนที่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานอย่างเป็นอิสระด้วยความโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสมและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่บทสรุปดังกล่าวจะไม่มีข้อพันธะผูกพันทางกฎหมาย และจะรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้สังคมทราบเป็นระยะ ๆ ต่อไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แม่ทัพภาค 4 นำทีมแถลงข่าว
2 แม่ทัพภาค 4 บินด่วนลงพื้นที่ด้วยตนเอง
3-4 อุปกรณ์สำหรับตัดไม้ และตอไม้ที่ถูกตัด
อ่านประกอบ :
สั่งสอบยิงปะทะบนเขาตะเวดับ 3 หลังชาวบ้านร้องเรียนอาจไม่ใช่คนร้าย
คนดีหรือคนร้าย? ชาวบ้านข้องใจ-รวมตัวรอฟังคำตอบเหยื่อปะทะ 3 ศพ