
ชายแดนใต้จัดพิธีรับศพ “พลทหารมุสลิม” วีรบุรุษช่องอานม้า อย่างยิ่งใหญ่ มีแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานที่สนามบิน และมีประชาชนตั้งแถวริมถนนโบกธงเชิดชูเกียรติและไว้อาลัยตลอดเส้นทางเคลื่อนสู่สุสานในพื้นที่ดุซงญอ บ้านเกิด อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
เวลา 14.45 น.วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค.68 ที่หมวดบินเฉพาะกิจภาคใต้ กองทัพเรือ นายบุญช่วย หอมยามเย็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยทหาร ตำรวจ ผู้แทนส่วนราชการ และพี่น้องประชาชนชาวนราธิวาส ร่วมพิธีสดุดีและรับศพ พลทหารประจำการอาสาสมัคร มุสตากีม มาเจ๊ะมะ สังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ที่ได้พลีชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธี
ร่างของ พลอาสา มุสตากีม ถูกเคลื่อนย้ายส่งกลับภูมิลำเนาด้วยเครื่องบินลำเลียง แบบ 295 ของกองทัพบก จากกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี สู่ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นมาตุภูมิ ท่ามกลางความอาลัยของครอบครัว พี่น้อง เพื่อนกำลังพล และประชาชนที่มาร่วมพิธี

จากนั้นได้มีการเคลื่อนร่างของ พลอาสา มุสตากีม ไปทำพิธีอาบน้ำศพยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านสุแฆ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของ พลอาสา มุสตากีม ก่อนเคลื่อนศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่มัสยิด และนำไปฝังยังกุโบร์สะบือรัง (บ้านสุแฆ) หมู่ 3 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
คณะของนายทหาร ตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา ภายใต้การนำของ พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาค 4 พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาธิกุล รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พ.ออรุณ แก้วเศษ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข พล.ต.ต.ประยงค์ โคตรสาขา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และ นายพิชิต รุ่งประเสริฐ นายอำเภอจะแนะ ได้ร่วมกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านสุแฆ ตั้งแถวเนืองแน่นสองฝั่งถนน พร้อมกับโบกธงชาติไทย ต้อนรับร่างไร้วิญญาณของ พลอาสา มุสตากีม

โดยกรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ได้ลำเลียงร่างโดยใช้รถบรรทุกหุ้มเกราะ 4 ล้อ FTH จากท่าอากาศยานนราธิวาส เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด หมู่ 3 ต.ดุซงญอ มี ส.อ.พาอีซะห์ เจ๊ะแว มารดาของ พลอาสา มุสตากีม เป็นผู้นำขบวน และมีเครือญาติถือรูปถ่ายของ พลอาสา มุสตากีม เดินตาม บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด
จากนั้นมีการทำพิธีตายัมมุม (ใช้ฝุ่นดินแทนการอาบน้ำละหมาดศพ) โดยมี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี เดินทางเป็นประธานในพิธี โดยได้กระทำอย่างสมเกียรติในฐานะวีรบุรุษที่ปกป้องประเทศชาติ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายศพของ พลอาสา มุสตากีม ไปประกอบพิธีละมาดที่มัสยิด และนำไปฝังที่กุโบร์สุแฆ

พายัพ มาเจ๊ะมะ บิดาของ พลอาสา มุสตากีม ซึ่งเป็นอดีตทหารพราน กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา เล่าถึงวาระสุดท้ายของลูกชายว่า “ผมติดต่อกับลูกชายตลอด แกเป็นเด็กที่ขอพรจากพ่อตลอดก่อนที่จะเข้าสมรภูมิ จะบอกพ่อว่าลูกจะเข้าไปแล้วนะ ไปแล้วอาจจะใช้โทรศัพท์ไม่ได้ ผมก็จะเตือนลูกตลอดว่าอย่า ทำตัวเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน อย่าไปไลฟ์สดในเวลาทำการ ลูกก็บอกว่าไม่ทำอยู่แล้ว เพราะว่าหน่วยเขาเคร่งครัด แกว่าถ้าสามารถใช้โทรศัพท์ แกจะติดต่อกลับหาพ่อทันที”
“ตอนเย็นวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม แกก็โทรมาประมาณ 5 โมงครึ่ง โทรมาบอกข่าวดีว่าพ่อเราชนะแล้ว เรายึดเนิน 677 ได้แล้ว พ่อก็เลยบอกว่าโอเค เรายึดได้ก็อย่าประมาทนะ เพราะว่าจุดที่เรายึดได้เป็นจุดที่ประเทศเพื่อนบ้านเคยครอบครองมาก่อน เขารู้พิกัด เขาสามารถที่จะโจมตีเราได้ตลอด แต่ก็ไม่สามารถคุยยาวได้ เนื่องจากว่าทางลูกชายไม่มีสัญญาณ แกก็เลยตัดบท บอกพ่อไม่ได้ยิน เดี๋ยวลูกค่อยโทรกลับพรุ่งนี้ แล้วก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย”
“ผมขออย่างเดียวเป็นทหารชายชาตินักรบ เรารบไม่ขลาด ก็ขออย่างเดียวขออย่าประมาทอย่างที่ผมเตือนลูกผม อยากจะเตือนน้องๆ ทหารที่ปฎิบัติหน้าที่ เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามสามารถที่จะหย่อนระเบิดลงมาตอนไหนก็ได้ เพราะว่าเขาแพ้แต่ตัว แต่อาวุธเขาจะส่งมาพิกัดนั้นตลอดเวลา” อดีตทหารพราน บิดาของวีรบุรุษช่องอานม้า กล่าว

พารีดะ เจ๊ะแว น้าสาวของ พลอาสา มุสตากีม บอกว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกกับครอบครัวไว้หลังเหตุการณ์ปะทะที่ภูมะเขือว่า หากเสียชีวิต ขอให้นำศพกลับมาฝังที่บ้านเกิด
“เขาเป็นทหารมาได้กว่า 2 ปี เป็นคนเก่ง กล้าหาญ และมุ่งมั่น ไม่มีลางบอกเหตุว่าจะต้องมาจากไปเร็วเช่นนี้”
สำหรับ พลอาสา มุสตากีม ถือว่าเติบโตมาในครอบครัวทหาร โดยมารดา คือ ส.อ.พาอีซะห์ เจ๊ะแว อายุ 41 ปี เป็นนายสิบทหาร สังกัดศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นทหารพรานสังกัด กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา แต่ได้ย้ายตามขึ้นไปทำงานที่ค่ายอดิศร เพื่อให้สามารถอยู่ใกล้ชิดดูแลบุตรชายได้ ส่วนบิดา คือ พายัพ มาเจ๊ะมะ อายุ 61 ปี อาชีพ ทำสวนทุเรียน อยู่ในพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา
การเสียชีวิตอย่างกล้าหาญของ พลทหาร มุสตากีม ยังมีพิธีพระราชทานดินฝังศพ กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค.68 เวลา 12.45 น. ณ กุโบร์สะบือรัง (บ้านสุแฆ) หมู่ 3 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส โดยมี นายบุญช่วย หอมยามเย็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานในพิธี
