
ศอ.บต.-ป.ป.ส. ผนึกกำลังผู้นำศาสนา 5 จังหวัดชายแดนใต้ ลุยแก้ปัญหายาเสพติดเชิงรุก แฉสถิติยาบ้าระบาดหนักสุดที่ปลายด้ามขวาน มีผู้เสพเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้ใช้แรงงาน
วันจันทร์ที่ 3 พ.ย.68 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดกิจกรรมความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาครัฐและผู้นำศาสนาในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อวางแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการอย่างเข้มข้น
กิจกรรมครั้งนี้นำโดย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รักษาราชการแทน เลขาธิการ ศอ.บต. และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
การประชุมครั้งนี้ถูกจับตาจากหลายฝ่ายว่าจะเป็น “ก้าวสำคัญ” ที่จะเปลี่ยนจากการรณรงค์แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบเดิมๆ ในพื้นที่ ก้าวไปสู่การลงมือปฏิบัติจริง และมองเห็นผลเชิงรูปธรรมที่ชี้วัดความสำเร็จได้

นายปิยะศิริ กล่าวว่า หัวใจของการประชุมคือการรับฟังและดึงศักยภาพของผู้นำศาสนา ในฐานะกลไกสำคัญในชุมชน มาใช้ในการแก้ไขและจัดการปัญหายาเสพติด
ขณะที่ พ.ต.ต.สุริยา เน้นว่า เป้าหมายคือการรับฟังข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์และเป็นรูปธรรม ผู้นำศาสนาได้แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเชิงป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดต่อเนื่อง
นายปิยะศิริ กล่าวเสริม ศอ.บต.พร้อมเปลี่ยนกลยุทธ์งบประมาณในแผนปฏิบัติการระยะปี 2568–2570 จะมีการปรับปรุงการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของชุมชน โดย ศอ.บต.จะเป็นแกนกลางในการสำรวจความต้องการจากผู้นำศาสนา ก่อนจัดทำแผนเสนอไปยัง ป.ป.ส. ภาค 9 เพื่อพิจารณา และมุ่งเน้นการปฏิบัติจริง
“คณะทำงานร่วมของทั้งสองหน่วยงานและผู้นำศาสนาจะผลักดันโครงการที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง ไม่จำกัดเพียงการรณรงค์ หรือให้ความรู้ด้านพิษภัยเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการยกระดับการทำงานป้องกันยาเสพติดให้เป็นไปในลักษณะเชิงรุกมากขึ้น” เลขาธิการ ศอ.บต.ระบุ
@@ ยาบ้าครองตลาดแพร่ระบาดหนักชายแดนใต้

ในที่ประชุมยังได้รับฟังรายงานสถานการณ์จาก ป.ป.ส. ประจำปีงบประมาณ 2568 ฉายภาพที่น่ากังวลของปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนใต้
พบว่า ยาบ้าครองตลาด โดยยาเสพติดที่แพร่ระบาดหนักที่สุดคือ “ยาบ้า” คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 94% ช่วงที่ผ่านมายึดของกลางได้กว่า 29 ล้านเม็ด โดยถูกตรวจยึดได้ทุกจังหวัดและทุกอำเภอ
นอกจากนั้นยังพบมีเส้นทางส่งออกไอซ์ 3.6% และเฮโรอีน ประมาณ 1%
แม้ยาเสพติด 2 ชนิดนี้มีสัดส่วนน้อยกว่า แต่พบของกลางจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาเสพติดเตรียม “ส่งออก” ไปยังประเทศที่สาม โดยพบถึง 39 คดีสำคัญในช่วงปี 2566–2568 ในพื้นที่เสี่ยง เช่น นราธิวาส และสตูล
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ “พืชกระท่อม” แม้จะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่ยังพบการใช้ผิดประเภท และอยู่ในมาตรการเร่งด่วน 120 วัน ภายใต้แผนบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด (พ.ศ. 2568–2570) โดยประชาชนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐถึงร้อยละ 82 สะท้อนความรู้สึกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อปัญหาพืชกระท่อม
@@ ผู้เสพเพิ่ม! ตัวเลขชี้ชัดกลุ่มผู้ใช้แรงงาน

จากสถิติสะท้อนความง่ายในการเข้าถึง แม้จำนวนคดีที่จับกุมโดยภาพรวมจะลดลงร้อยละ 4 แต่จำนวน “ผู้เสพ” กลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ายาเสพติดเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ถึง 92% เป็นเพศชาย
กลุ่มวัยแรงงานยังคงเป็นกลุ่มหลักที่เกี่ยวข้องมากกว่าวัยรุ่นหรือเยาวชน
สำหรับการผนึกกำลังครั้งนี้ถือเป็น “การปรับกระบวนทัพ” ครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือการใช้กลไกทางศาสนาและชุมชนเป็นปราการด่านแรกในการป้องกัน ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่การประชุม แต่เป็นการลงนามในสัญญาความร่วมมือทางใจที่จะใช้หลักธรรมนำทางสู่สังคมที่ปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริงและยั่งยืน
