
มีการเผยแพร่กำหนดการลงพื้นที่ภาคใต้ของ นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปรากฏว่าวาระงานที่ออกมา คือการลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดสงขลา เพื่อติดตามความคืบหน้าหลังเกิดเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ต่อเนื่องกันหลายเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดน ทั้งนราธิวาส ยะลา และปัตตานี
เป็นที่น่าสังเกตว่า กำหนดการและวาระงานที่เผยแพร่ออกมา ไม่มีการแวะรับประทานอาหารกลางวันกับนักการเมือง “บ้านใหญ่สงขลา” อย่าง นายนิพนธ์ บุญญามณี ตามที่มีข่าวช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม นายกฯอนุทิน พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดปัตตานี และจังหวัดสงขลา
โดยในเวลาประมาณเวลา 11.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ที่ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พร้อมรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์และแผนปฏิบัติงานในปี 2569 และมอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและบูรณาการการทำงานให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับความมั่นคงปลอดภัย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
“รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตลอดจนทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ท่านจึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างเต็มที่” นายสิริพงศ์ กล่าว
@@ พับแผน “ข้าวเที่ยงบ้านเขารูปช้าง” - งดดูบอลนัดพิเศษ
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายกฯอนุทินจะลงใต้ และไปรับประทานข้าวเที่ยงที่บ้านเขารูปช้าง ของ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยจะไปพร้อมกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก่อนไปร่วมชมฟุตบอลการกุศลนัดพิเศษ ที่สนามติณสูลานนท์ ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ สงขลา เอฟซี กับ ตรังกานู เอฟซี ของมาเลเซีย
โดยมีรายงานว่า การพบปะรับประทานข้าวเที่ยงครั้งนี้ เพื่อตอกย้ำ “ดีลการเมือง” ที่ “กลุ่มบุญญามณี” ซึ่งมี สส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์หลายคน นำโดย นายสรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายคนโตของนายนิพนธ์ โหวตสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ และมีข่าวว่าจะได้โควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือ ลูกสาวของนายนิพนธ์ด้วย แต่ภายหลังนายนิพนธ์ขอถอนชื่อ จึงไม่มีตัวแทนของ “กลุ่มบุญญามณี” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย แต่ผลอีกด้านหนึ่งก็ทำให้ได้รับความเกรงใจจากแกนนำพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก
ข่าวแจ้งด้วยว่า การพบปะรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านเขารูปช้าง เพื่อยืนยันข่าว “ซูเปอร์ดีล” ว่าไม่มีการ “ล้มดีล” หลังจากมีกระแสว่า นายนิพนธ์ อาจจะหวนกลับพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากมีความชัดเจนแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค จะกลับไปรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อฟื้นฟูพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศ ให้กลับมาได้รับความนิยมจากประชาชนอีกครั้ง
@@ แง้มดีล “ค่ายสีน้ำเงิน - บ้านเขารูปช้าง”
ปัจจุบัน “บ้านบุญญามณี” มี สส.ในกลุ่มอย่างน้อย 3-4 คน คือ สส.สงขลา 2 คน ได้แก่ นายสรรเพชญ ลูกชายนายนิพนธ์ และนายสมยศ พลายด้วง นอกจากนั้นยังมี สส.นครศรีธรรมราช 1 คน คือ นายราชิต สุดพุ่ม และ สส.ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างอีกจำนวนหนึ่ง
มีรายงานว่า “ดีลการเมือง” ระหว่าง “พรรคสีน้ำเงิน” กับ “บ้านบุญญามณี” คือการมอบหมายให้ นายนิพนธ์ ดูแลพื้นที่เลือกตั้งสงขลาให้กับพรรคภูมิใจไทย รวมถึงนครศรีธรรมราช และปัตตานีบางเขต โดย นายนิพนธ์ เคยเป็นนายก อบจ.สงขลา และเป็น สส.สงขลา หลายสมัย รวมถึงเคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงถือว่ามีบารมีและเครือข่ายในพื้นที่กว้างขวางมาก โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่นทุกระดับ
ล่าสุด “นายนิพนธ์” ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ “ทีมข่าวอิศรา” โดยยอมรับว่า “ท่านนายกฯอนุทินไม่มาทานข้าวที่บ้านแล้ว เพราะท่านมีภารกิจ ส่วนท่านเนวินกำลังรอคอนเฟิร์ม สำหรับเรื่องการเตรียมการก็เป็นปกติ เพราะที่บ้าน ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ก็มีกินน้ำชา กินข้าว คนคึกคักอยู่แล้ว”
มีรายงานว่า สาเหตุที่ นายกฯอนุทิน ยกเลิกกำหนดการรับประทานอาหารเที่ยงที่บ้านเขารูปช้าง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกนำภาพไปโจมตีว่าไปทำภารกิจการเมือง ทั้งๆ ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังมีสถานการณ์ตึงเครียด เกิดเหตุรุนแรงแทบทุกวัน ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศก็เกิดอุทกภัยหลายจังหวัด จึงเลือกลงพื้นที่ไปพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แทน
@@ สมช.ฟื้น “คณะผู้แทนพิเศษดับไฟใต้” เน้นกระชับรับอายุ 4 เดือน

วันเดียวกัน นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงผลการประชุม สมช. ซึ่งมีนายกฯอนุทินเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ โดยมีแนวความคิดเป็นหลักการว่า จะมีการจัดตั้ง “คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล” เพื่อเป็นกลไกที่จะเชื่อมการทำงานระหว่างฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ให้มีความสอดคล้องกัน
เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาประมาณ 4 เดือน หรือไม่เกิน 1 ปี จึงต้องมีกลไกนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญในการกำหนดเป้าหมายการทำงานให้ชัดเจน และแก้ปัญหาในเวลาที่จำกัด ขณะนี้ก็มีการตั้ง พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯแล้ว ก็จะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ดี นายฉัตรชัย ยอมรับว่า ยังไม่ได้การเคาะรายชื่อ “คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล” โดยให้ สมช. ไปพิจารณาองค์ประกอบที่เหมาะสม แล้วไปคัดเลือกผู้แทนอีกครั้ง ซึ่งเป็นการพิจารณาร่วมกันระหว่าง สมช. กับฝ่ายการเมือง โดยขนาดของคณะผู้แทนพิเศษฯ จะไม่ใหญ่มากนัก ยังไม่สามารถระบุจำนวนคนได้ ขอดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะมีความหลากหลาย ซึ่งต้องดูอีกครั้งว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร โดยจะให้มีความกระชับในเวลาที่จำกัด จึงจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
@@ บุกยิง อส.ทพ.บาดเจ็บ ที่หน้าบ้านในระแงะ

สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ยังมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 12.30 น.วันศุกร์ที่ 10 ต.ค.68 เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 3 คน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่อาสาสมัคราทหารพราน (อส.ทพ.) สังกัดหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 46 (ฉก.ทพ.46) เหตุเกิดในพื้นที่บ้านแฮ หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ ซึ่งเป็นรอยต่อกับหมู่ 6 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
อส.ทพ.ที่ตกเป็นเป้าหมายถูกยิง คือ อส.ทพ.นาซือรี แวสะมะแอ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ถูกกระสุนปืนเข้าบริเวณซี่โครงด้านขวา จำนวน 3 นัด เจ้าหน้าที่และชาวบ้านในพื้นที่ได้ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลจะแนะ อาการเบื้องต้นพ้นขีดอันตราย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายนาซือรี กำลังยืนอยู่กับภรรยาที่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง เป็นบ้านที่ยังไม่มีเลขที่ หมู่ 4 ต.บองอ อ.ระแงะ ได้มีคนร้าย 3 คน เดินเท้ามาจากด้านหลังบ้าน แล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่นายนาซือรีหลายนัด ก่อนหลบหนีไปทางแนวป่าด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นทางเดียวกับที่เดินมา
ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารพราน ฉก.ทพ.46 และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมกระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นและติดตามคนร้าย รวมถึงเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น ปลอกกระสุน และร่องรอยการหลบหนี เพื่อนำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปสาเหตุของการลอบยิง แต่ก็ไม่ตัดประเด็นความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมายังคงมีเหตุลอบยิงและลอบวางระเบิดเกิดขึ้นเป็นระยะในพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา
