
หนุ่มต้องสงสัยควงปืนขี่มอเตอร์ไซค์วน 2 รอบ สาดกระสุนใส่ทหารพรานหน้าฐานปฏิบัติการในรือเสาะ นราธิวาส รอบ 2 เจอยิงสวน ต้องทิ้งรถวิ่งหนี ซ่อนตัวคันนา เจ้าหน้าที่กล่อมจนยอมมอบตัว แต่สุดท้ายเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล ชาวบ้านเล่าอาจมีปัญหาด้านสติสัมปชัญญะ ส่วนที่บาเจาะ คนร้ายรัวเอ็ม 16 ปลิดชีพอดีตจ่านาวิกฯ คาสวนทุเรียนบนเทือกเขาบูโด
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุการณ์ที่สร้างความปั่นป่วนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.40 น. วันเสาร์ที่ 27 ก.ย.68 พ.ต.อ.ศุภชัย ศุภกิจจารักษ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารพราน บริเวณหน้าฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4601 ตั้งอยู่ที่บ้านลูโบะปูโละ หมู่ 3 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ และมีการยิงตอบโต้กัน จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มตะแคงอยู่บริเวณเยื้องกับประตูทางเข้าฐานปฏิบัติการฝั่งซ้าย ส่วนบริเวณแท่งแบริเออร์อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งอยู่เยื้องกับประตูทางเข้าฐานปฏิบัติการด้านขวามือ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืน AK47 หรือ อาก้า ตกอยู่จำนวน 4 ปลอก

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบพบบริเวณกลางทุ่งนาตรงข้ามกับฐานปฏิบัติการ ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร มีกองเลือดกองใหญ่ จึงประสานเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าพื้นที่ เพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทหารพรานพร้อมกำลังพลจำนวนหนึ่งกำลังช่วยกันตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการ ตามคำสั่งของ ร.อ.สุรศักดิ์ จินดานิมิต ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4601 (ผบ.ร้อย ทพ.4601) จังหวะนั้นมีชายต้องสงสัยจำนวน 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยเจ้าตัวแต่งกายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ สวมกางเกงสีขี้ม้า ขี่รถโฉบผ่านเข้าไปบริเวณหน้าฐานฯ แล้วใช้อาวุธปืนลูกกรด ขนาด .22 ยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารพราน จำนวน 1 นัด แต่กระสุนปืนพลาดเป้า ชายต้องสงสัยจึงได้เร่งเครื่องรถขับหลบหนีไป
แต่ผ่านไปประมาณ 10 นาที ชายต้องสงสัยรายเดิมได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดิมย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อผ่านหน้าจุดตรวจ ชายคนดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนกระบอกเดิมยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานอีก 2 นัด เจ้าหน้าที่ทหารพรานจึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนประจำกายยิงไล่หลังใส่ชายต้องสงสัยที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี จนต้องทิ้งรถแล้ววิ่งไปตามทุ่งนา เจ้าหน้าที่ทหารพรานจึงได้วิ่งไล่ติดตาม จนเจอชายคนนี้กำลังอาศัยคันนาเป็นที่กำบัง แต่ยังใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะ
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธและยอมมอบตัวแต่โดยดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับประกันความปลอดภัย จนชายต้องสงสัยยอมมอบตัวพร้อมอาวุธปืน และพบว่าถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณปากและไหปลาหร้าด้านขวา จึงรีบนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะอย่างเร่งด่วน แต่ชายคนดังกล่าวเสียเลือดมาก ทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ด้าน พ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 (ผบ.ฉก.ทพ.46) ได้ตรวจสอบประวัติผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายอารอฟัด เจ๊ะนะ อายุ 35 ปี มีภูมิลำเนาในพื้นที่ ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไม่มีประวัติก่อคดีความมั่นคง จึงได้ประสานญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทราบจากชาวบ้านว่า ผู้ตายเป็นคนที่มีลักษณะคล้ายสติไม่ดี มีพฤติกรรมเป็นร่างทรง เคยบ่นๆ ว่าอยากตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
@@ ยิงอดีตจ่าทหาร นย. ดับคาสวนทุเรียนบนเขาบูโด

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ก.ย.68 พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) พร้อมด้วย พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ แก้วมี สารวัตรใหญ่ สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นำกำลังเดินทางไปตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิง นายณภัทร์ ธรพิชญพล หรือชื่อเดิม จ่าเอก มะดาฮารี กามาแล อายุ 43 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อค่ำของวันที่ 24 ก.ย. บนเทือกเขาบูโด ท้องที่บ้านมาแฮ หมู่ 11 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนสงครามเอ็ม 16 ตกอยู่ที่พื้นเป็นวงกว้าง จำนวนกว่า 20 ปลอก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปี้ สีบรอนซ์ ป้ายทะเบียนนราธิวาส ล้มตะแคงอยู่กับพื้น พร้อมกองเลือด จึงเข้าตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานอย่างละเอียด
จากการสอบถาม พันจ่าเอก อายุบ กามาแล น้องชายของผู้เสียชีวิต ซึ่งได้เดินทางขึ้นไปรับศพพี่ชาย ทราบว่า ผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดในลักษณะนอนคว่ำหน้า ดยมีบาดแผลถูกกระสุนปืนของคนร้ายทั่วร่าง หลังจากส่งแพทย์โรงพยาบาลบาเจาะทำการชันสูตรพลิกศพแล้ว ได้เคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยได้นำศพไปฝังที่กุโบร์บ้านมาแฮ ในคืนเดียวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
น้องชายของผู้ตายยังให้การเพิ่มว่า พี่ชายได้ลาออกจากทหารมาประมาณ 4 ปี เพื่อประกอบอาชีพส่วนตัว ในช่วงใกล้ค่ำของคืนเกิดเหตุ พี่ชายได้ขี่รถจักรยายยนต์ออกจากบ้านตามลำพัง โดยได้พกอาวุธปืนไป 2 กระบอก คืออาวุธปืนพกขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนลูกซองอีก 1 กระบอก เพื่อเดินทางไปรดน้ำต้นทุเรียนที่ปลูกไว้บนเทือกเขาบูโด โดยได้ปลูกเพิงพักขนาดเล็กไว้ในสวน และมักจะอาศัยพักแรมที่สวนเป็นประจำ
ต่อมาทราบว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด ทุกคนคิดว่าน่าจะมีเหตุร้าย ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหาพี่ชาย แต่ไม่รับสาย จึงได้ร่วมกับชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางขึ้นไปดูที่สวนทุเรียน พบพี่ชายถูกยิงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกที่พกไปด้วยก็หายไป จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะเป็นสมาชิกแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวอยู่บนเทือกเขาบูโด เนื่องจากผู้ตายเป็นอดีตทหาร จึงอาจสงสัยว่าจะทำหน้าที่เป็นสายข่าวให้กับเจ้าหน้าที่ จึงสังหารทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
