
“ปฏิบัติการ 120 วัน วาระพืชกระท่อม” ได้ผลเกินคาด ทุกภาคส่วนในพื้นที่ชายแดนใต้รวมพลังต้าน “น้ำกระท่อม - สี่คูณร้อย” ปักหมุดพื้นที่แรก ต.ควน อ.ปะนาเระ ปัตตานี นำร่องขึ้นป้ายต้าน เจรจาเลิกขายริมถนน ก่อนขยายผลหลายอำเภอ “ ลางา มายอ” โชว์ดุดัน รวบรวมใบกระท่อมจุดไฟเผาทำลาย ด้านปอเนาะกว่า 100 แห่งระดมนักเรียนขึ้นป้าย “ฮะรอม” ขัดหลักศาสนา
วันเสาร์ที่ 12 ก.ค.68 ซึ่งเป็นเทศกาลหยุดยาว 4 วัน “ช่วงเข้าพรรษา” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไปที่ วัดควนนอก ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพื่อพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่กับผู้นำชุมชนและประชาชน โดยมีผู้นำศาสนาพุทธ ผู้นำศาสนาอิสลาม และชาว ต.ควน เข้าร่วมอย่างคึกคักพร้อมเพรียง
สาเหตุที่ พ.ต.อ.ทวี เลือกลงพื้นที่ ต.ควน อ.ปะนาเระ เพราะเป็นพื้นที่แรกๆ ที่ “ปฏิบัติการ 120 วัน วาระการควบคุมการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่รัฐมนตรียุติธรรมเคยประกาศเจตนารมณ์เอาไว้ ประสบความสำเร็จ มีประชาชนในพื้นที่แสดงออกถึงการปฏิเสธว่าไม่ต้องการให้มีการจำหน่ายใบกระท่อมในชุมชนตนเอง มีการขึ้นป้ายประกาศจุดยืนอย่างชัดแจ้ง
@@ ย้อนปฏิบัติการ 120 วัน เริ่ม 1 มิ.ย. ลุย 688 ชุมชน

“ปฏิบัติการ 120 วัน วาระพืชกระท่อม” เป็นการประกาศห้ามจำหน่ายพืชกระท่อมโดยผิดกฎหมาย ซึ่งรวมถึงน้ำกระท่อม โดยหลายคนยังไม่ทราบว่าผิดตามพระราชบัญญัติอาหารและยา (พ.ร.บ.อาหารและยา) แม้จะมีการนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดแล้ว แต่การจำหน่ายต้องขึ้นทะเบียน และมีเงื่อนไข เช่น ห้ามตั้งร้านริมถนนหนทาง รวมถึงไม่สามารถแปรรูปเป็นน้ำกระท่อมได้โดยไม่ขออนุญาต
ปฏิบัติการนี้ดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.68 เพื่อลดปัญหาการค้าและการใช้พืชกระท่อมอย่างผิดวัตถุประสงค์ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้แก่ อ.จะนะ, นาทวี, เทพา, และสะบ้าย้อย รวมทั้งหมด 688 ชุมชน
ต่อมา พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้สั่งการทุกหน่วยงานในพื้นที่ร่วมปฏิบัติการ 120 วัน วาระพืชกระท่อม ภายใต้แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ แบบบูรณาการในทุกมิติ

มีการมอบหมายให้ นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจ “ชุมชนเข้มแข็ง” พื้นที่แรกๆ ที่ ต.ควน อ.ปะนาเระ เนื่องจากได้รวมพลังทุกภาคส่วน “เอาชนะกระท่อม” ห้ามจำหน่ายในพื้นที่โดยเด็ดขาด ภายใต้การนำของ นายภาคิน ซูสารอ นายก อบต.ควน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อิหม่าม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลควน แขวงการทางปะนาเระ แขวงการทางสายบุรี และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในพื้นที่
จากนั้นจึงเกิดเป็นกระแสกระจายไปหลายอำเภอ มีการแสดงออกโดยการขึ้นป้ายตามสถานที่ต่างๆ ในลักษณะคล้ายคลึงกัน, เจรจาให้ร้านจำหน่ายใบกระท่อมริมถนน เลิกร้าน หรือไปขายในพื้นที่ห่างไกลชุมชน รวมถึงการเผาทำลายใบกระท่อมเพื่อแสดงออกถึงการไม่เอาใบกระท่อม และน้ำต้มกระท่อมที่พัฒนาไปเป็นสารเสพติด “สี่คูณร้อย”
@@ ชาวบ้านลางาพร้อมใจเผาใบกระท่อม

ที่ ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี ประชาชนในพืนที่ได้ร่วมกันเผาทำลายใบกระท่อม โดยเป็นใบกระท่อมที่พบการจำหน่ายในพื้นที่ แกนนำชาวบ้านได้ไปเจรจาขอร้องให้เลิกจำหน่าย แล้วนำใบกระท่อมมากองรวมกัน มอบให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้รับผิดชอบ จากนั้นนำน้ำมันไปราด แล้วจุดไฟเผาเพื่อประกาศเจตนารมณ์ให้คนในชุมชนเลิกจำหน่ายใบกระท่อมอย่างเด็ดขาด
จากปฏิบัติการเผาใบกระท่อม ทำให้ร้านจำหน่ายใบกระท่อมในพื้นที่ของ อ.มายอ ซึ่งเคยมีอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะตามเส้นทางต่างๆ เริ่มทยอยปิดตัวลง จนไม่พบว่ามีการจำหน่ายให้เห็นอีก ทำให้ประชาชนในพื้นที่ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะน้ำใบกระท่อมคือว่าผิดหลักอิสลาม เข้าข่ายการเสพของมึนเมา ถือเป็นสิ่งต้องห้าม หรือ “ฮะรอม” ตามหลักศาสนา
@@ ปอเนาะกว่า 10 แห่งเตรียมขึ้นป้าย - หนองจิกนำร่อง

อีกด้านหนึ่ง ที่สถาบันศึกษาปอเนาะพัฒนาเยาวชน (ปอเนาะปาแด) หมู่ 7 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โต๊ะครูสถาบันปอเนาะ ร่วมกับ นายนูรุดดีน โตะตาหยง ปลัดอำเภอหนองจิก ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมถึงตัวแทนจากทหารชุดสันติสุขที่ 104 ชุดควบคุมที่ 951 หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครู นักเรียนปอเนาะ และพี่น้องในพื้นที่ ได้จัดกิจกรรมขึ้นป้ายไวนิล “รวมพลังไม่เอากระท่อม พืชกระท่อมทำให้มึนเมา เป็นสิ่งฮะรอม สิ่งต้องห้าม ตามหลักศาสนา”
เจ้าหน้าที่ ศอ.บต.ยังได้รับรายงานว่า ไม่เพียงแต่สถาบันปอเนาะแห่งนี้เท่านั้นที่ขึ้นป้ายไม่เอากระท่อม แต่สถาบันปอเนาะใน 5 จังหวัดชายแดนภาค อีกกว่า 100 แห่ง ได้เตรียมรวมพลังครั้งใหญ่ไม่เอากระท่อม และคาดว่าหลังจากนี้ การแก้ปัญหาจะมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น
@@ “ทวี” ลั่นไม่ใช่ภัยแทรกซ้อน แต่เป็น “ภัยความมั่นคง”

สำหรับกิจกรรมที่วัดควนนอก อ.ปะนาเระ ซึ่ง พ.ต.อ.ทวี ลงพื้นที่เมื่อวันเสาร์ที่ 12 ก.ค. ประชาชนชนในพื้นที่ รวมถึงผู้นำศาสนาเห็นพ้องกันว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในการขัดเกลาจิตใจ โดยพุ่งเป้าไปที่เยาวชนให้ได้เข้าสู่หนทางที่ถูกต้องและห่างไกลยาเสพติด
นอกจากนี้ทางภาครัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ต้องใช้มาตรการอย่างจริงใจในการปรามปราบยาเสพติด เพื่อไม่ให้มีการจำหน่ายในพื้นที่ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อป้องการการแพร่ระบาดอย่างครบวงจร
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหายาเสพติดในพื้นที่ไม่ใช่ “ภัยแทรกซ้อน” แต่เป็น “ภัยความมั่นคง” ของประชาชน แต่หลังจากประกาศปฏิบัติการ 120 วัน “วาระพืชกระท่อม” ประชาชนก็สัมผัสได้ว่าสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ดีขึ้น โดยดูจากความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีประชาชนในหลายพื้นที่ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับยาเสพติด โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้การสนับสนุน เพราะปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาของชาวบ้านจริงๆ และเป็นทุกข์ของชาวบ้าน
ที่ผ่านมารัฐทำฝ่ายเดียวไม่สำเร็จ จะต้องมีพลังจิตอาสาขึ้นมา และพบว่าชาวบ้านได้ลุกขึ้นมาตอบรับเป็นอย่างดี และถือว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการแก้ปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะพืชกระท่อมนั้น การจำหน่ายน้ำกระท่อมถือว่าผิดกฎหมาย เพราะผิดพระราชบัญญัติอาหารและยา และผิดเรื่องสถานที่ตั้งจำหน่ายน้ำกระท่อม ฉะนั้นจะต้องมีการพูดคุยกับทุกฝ่าย ทั้งทางจังหวัด และทางตำรวจ ให้มีความจริงจังในการแก้ปัญหา
“วันนี้เมื่อประชาชนทำให้ดูแล้ว หน่วยงานของรัฐก็ยิ่งต้องทำให้เห็นอย่างจริงจัง ต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มข้น รวมถึงนักค้าที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ควรอยู่ในหมู่บ้าน ควรอยู่ในเรือนจำ หรือถูกจับกุม เพราะจากการสำรวจพบว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่รวมถึงปัญหายาเสพติด ผู้มีอิทธิพล นักค้าของเถื่อนด้วย ฉะนั้นจำเป็นต้องมีการปราบปรามอย่างจริงจัง เราต้องไม่เป็นมิตรกับคนกลุ่มนี้” พ.ต.อ.ทวี ระบุ
