
กอ.รมน.โชว์ผลงานจัดการเครือข่ายบึ้มป่วนอันดามัน แฉมีผู้สั่งการ – สนับสนุน - ก่อเหตุ รวม 20 ราย รวบตัวได้แล้ว 5 ใช้ระเบิด 15 ลูก วาง 11 จุด เก็บกู้ได้ทั้งหมดแล้ว คาดเป้าหมายกดดันรัฐเร่งเปิดโต๊ะเจรจา แม่ทัพสั่งปฏิบัติตามแผนสกัดกลุ่มป่วนเข้มข้นทั้งในพื้นที่ ซีลแนวชายแดน
วันจันทร์ที่ 30 มิ.ย.68 ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา สามารถจับกุมคนร้ายจำนวน 2 ราย คือ นายมูหามะ วาเด็ง และ นายสุไลมาน กาซา ชาวจังหวัดปัตตานี พร้อมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องจำนวนหนึ่งได้ที่บริเวณแยกบายพาสหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 เวลา 03.30 น. และต่อมา ตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งตัวคนร้ายทั้ง 2 รายให้แก่ตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อดำเนินการซักถามขยายผล เนื่องจากพฤติการณ์ของคนร้ายทั้ง 2 รายมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากการพิจารณาประกอบผลการซักถาม สรุปได้ว่า วัตถุระเบิดที่ตรวจยึดได้พร้อมกับคนร้าย มีวงจรระเบิด ซึ่งปรากฏใช้งานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง จึงพิจารณาได้ว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น โดยทำการประกอบระเบิดขนาดเล็ก จากนั้นทยอยลำเลียงเข้าพื้นที่ผ่านเส้นทางหลักและเส้นทางรองตามปกติ โดยใช้แนวร่วมซึ่งไม่มีประวัติหรือไม่มีหมายจับ (กลุ่มหน้าขาว) เพื่อให้ง่ายต่อการผ่านจุดตรวจตามเส้นทาง
จากการซักถามเพิ่มเติมทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้เดินทางเข้า-ออก ระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประชุมวางแผนและรับคำสั่งในการก่อเหตุ จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้
ห้วงที่ 1 วันที่ 18 - 19 ธ.ค.67
ห้วงที่ 2 วันที่ 13 - 14 ม.ค.68
ห้วงที่ 3 วันที่ 23 - 24 เม.ย.68
โดยมีนายเตาฟิต และนายไซฟุดดิน หะยีปูเต๊ะ เป็นผู้สั่งการ และมีผู้ให้การสนับสนุน จำนวน 14 ราย แบ่งออกเป็น
- ผู้จัดซื้อและสั่งรถลงมาจากกรุงเทพฯ จำนวน 3 ราย
- ผู้รับรถที่จัดซื้อ จำนวน 5 ราย
- ผู้ส่งรถให้ผู้ก่อเหตุ จำนวน 4 ราย
- ผู้ขับรถรับ -ส่ง ผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 ราย

จากผลการซักถามทราบว่า จุดที่วางระเบิด จำนวน 11 จุด มีระเบิดทั้งหมดรวม 15 ลูก แบ่งเป็น
จ.กระบี่ 4 จุด จำนวน 5 ลูก
จ.พังงา 1 จุด จำนวน 1 ลูก
จ.ภูเก็ต 6 จุด จำนวน 6 ลูก
และ ถูกจับกุมพร้อมคนร้าย 1 ลูก ซึ่งปัจจุบันสามารถเก็บกู้ระเบิดได้ทั้งหมด
สรุปคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ แบ่งเป็นผู้สั่งการ จำนวน 2 ราย ผู้สนับสนุน จำนวน 14 ราย และผู้ก่อเหตุ จำนวน 4 ราย โดยขณะนี้สามารถจับกุมคนร้ายได้ 5 ราย เป็นผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 ราย และผู้ให้การสนับสนุน จำนวน 3 ราย
สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คาดว่า กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น พยายามกดดันรัฐบาลให้เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการเจรจา ซึ่งการก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญของขบวนการบีอาร์เอ็น โดยที่ผ่านมาได้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง
จากวัตถุพยานที่ตรวจยึดได้ พิจารณาได้ว่าการกระทำในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากเป็นระเบิดขนาดเล็ก อานุภาพการทำลายไม่ร้ายแรง และไม่มีชิ้นส่วนสังหาร โดยมุ่งหวังเพียงสื่อภาพความรุนแรงออกสู่สาธารณชนเท่านั้น เนื่องจากคนร้ายมุ่งเน้นวางระเบิดในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว สนามบิน และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ เช่น หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นหลัก
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร โดยมีแนวทางแบ่งพื้นที่ปฏิบัติออกเป็น 3 พื้นที่ ประกอบด้วย
1. พื้นที่ตามแนวชายแดน โดยเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ด้าน จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มอบหมายให้ หน่วยเฉพาะกิจยะลา, หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ร่วมกับ กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เป็นหน่วยรับผิดชอบ ปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นชายแดน ประจำปี 2568
ด้าน จ.สงขลา มอบหมายให้ หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ประสานการปฏิบัติ กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบ ปฏิบัติตามคำสั่งป้องกันชายแดน ประจำปี 2568 ของกองกำลังเทพสตรี
2. พื้นที่รักษาความมั่นคงภายใน ประกอบด้วย
- พื้นที่ป่าภูเขาและหมู่บ้านเชิงเขา มอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจจังหวัด โดยชุดปฏิบัติการป่าภูเขาของหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ และหมวดลาดตระเวนระยะไกลป่าภูเขา เข้าปฏิบัติการในพื้นที่
- พื้นที่ตอนในเขตหมู่บ้าน/ชุมชน, เขตเทศบาลและเมืองเศรษฐกิจ มอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจจังหวัดบูรณาการกำลังทุกประเภทเข้าปฏิบัติการในพื้นที่
- นอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตรวจสอบตามเส้นทางรถยนต์และเส้นทางรถไฟ
ตอนท้ายของการแถลง โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังเตือนว่า ผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
