ศอ.บต.เดินหน้ากิจกรรมตรวจ DNA คืนสิทธิให้คนไทยไร้สถานะในมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง หวังสร้างโอกาสเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐอย่างเท่าเทียม
“คนไทยตกหล่น” ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมากในทุกภาคของประเทศไทย ถือเป็นปัญหาของดินแดนชายขอบ ไม่เว้นกระทั่งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม
โดยเฉพาะครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่สะดวกในการดำเนินการทางทะเบียน
รวมไปถึงผู้ที่ไปทำงานเป็นแรงงานในประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อคลอดบุตรไม่สามารถแจ้งเกิดได้ จนทำให้กลายเป็นคนไม่มีสัญชาติ
โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย เมื่อมีบุตร ก็ไปแจ้งเกิดไม่ได้ กลับไทยก็ไม่สะดวก และกลัวจะกลับเข้าไปอีกไม่ได้
จากปัญหานี้ทำให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินการขับเคลื่อนกิจกรรมการตรวจสอบพันธุกรรม (DNA) ให้กับคนไทยที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เพื่อให้บุคคลเหล่านี้เข้าถึงสิทธิเสรีภาพและการบริการขั้นพื้นฐานจากภาครัฐได้อย่างเท่าเทียมกับคนไทยทั่วไปทุกคน
วันที่ 18 มิ.ย.68 นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อช่วยเหลือคนไทยในมาเลเซียที่มีสถานะตกหล่นทางทะเบียนราษฎร” พร้อมกิจกรรมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการทางการแพทย์ ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย
กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู, ศอ.บต., สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส, กรมการปกครอง และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ในพิธีเปิดมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์, นายภาษิต จูฑะพุทธิ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู, นายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาเพื่อความมั่นคง ศอ.บต. รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 12 สงขลา และโรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายกูเฮง ยาวอหะซัน กล่าวว่า การตรวจสารพันธุกรรม DNA เป็นก้าวสำคัญในการพิสูจน์ตัวตน เพื่อให้บุคคลไร้สถานะได้รับการรับรองในทะเบียนราษฎร ซึ่งจะเปิดทางสู่สิทธิขั้นพื้นฐานและสวัสดิการของรัฐ อาทิ การศึกษา การรักษาพยาบาล และการมีงานทำ
"วันนี้จึงถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในการคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้แก่พี่น้องไทยในมาเลเซียที่ยังไร้สถานะ การช่วยให้พวกเขาได้รับบัตรประชาชน ไม่เพียงเป็นการมอบสิทธิ แต่คือการมอบชีวิตใหม่ให้เขามีที่ยืนในสังคมไทย"
นายกูเฮง ยังกล่าวถึงหลักการทำงานของกระทรวงยุติธรรมที่เน้น "การนำความยุติธรรมไปหาประชาชน" มากกว่ารอให้ประชาชนเดินเข้ามา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางแก้ไขปัญหาคนไร้สัญชาติอย่างเป็นระบบ
@@ เปิดบริการตรวจ DNA รพ.สุไหงโก-ลก
นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสารพันธุกรรม (DNA) มีความสำคัญมากกว่าการสอบถามถ้อยคำหรือการสืบสวนว่าเป็นลูกหรือหลานของใคร เนื่องจากหลักฐานทาง DNA เป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนและเชื่อถือได้ ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการพิสูจน์สถานะและนำไปสู่การได้รับสัญชาติไทยได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ การขยายพื้นที่ให้บริการตรวจ DNA โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ซึ่งได้จัดตั้งเป็นจุดบริการตรวจ DNA อย่างเป็นทางการแล้ว จะช่วยลดปัญหาการตกหล่นของคนไทยไร้สัญชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการตรวจ DNA เป็นกลไกสำคัญที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของรัฐได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
@@ สัญญาณดี! คนไทยไร้สถานะในมาเลย์ลงทะเบียนลดลง
นายภาษิต จูฑะพุทธิ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู เปิดเผยว่า ในปีนี้มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมในมาเลเซียลงทะเบียนขอรับการตรวจ DNA จำนวน 102 คน ลดลงกว่าร้อยละ 50 จากปี 2567 ที่มีผู้ตรวจถึง 234 คน ซึ่งสะท้อนว่า จำนวนคนไทยที่ไม่มีสถานะในมาเลเซียเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
"ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าการดำเนินการของภาครัฐและภาคีเครือข่ายที่ผ่านมาเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ยิ่งมีผู้ไร้สถานะลดลงมากเท่าไร เรายิ่งเข้าใกล้เป้าหมายการสร้างความเท่าเทียมในสังคมมากขึ้น"
นายภาษิต กล่าวอีกว่า สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 19 มิ.ย.68 โดยใช้สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู เป็นฐานในการให้บริการ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการดำเนินงานด้านนิติวิทยาศาสตร์และบริการทางการแพทย์นอกประเทศในรูปแบบเชิงบูรณาการ
"ความร่วมมือระหว่าง ศอ.บต. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และโรงพยาบาลต่างๆ คือกุญแจสำคัญของความสำเร็จในครั้งนี้ แม้เราจะมีข้อจำกัดหลายประการ แต่ด้วยความเสียสละและความตั้งใจจริง ทำให้กิจกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น" กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู กล่าว
@@ กสม.ให้ความมั่นใจ ข้อมูลไม่รั่วไหล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวปิดท้ายว่า หน่วยงานที่ดำเนินการในวันนี้ ได้แก่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ ศอ.บต. และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ทั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนรู้สึกสบายใจและมั่นใจได้ว่า การตรวจสารพันธุกรรม (DNA) เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่มีความสำคัญสูงสุด ซึ่งทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลอย่างรัดกุมและปลอดภัย ข้อมูลที่ได้รับจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้โดยเด็ดขาด
จุดประสงค์ของการตรวจ DNA ครั้งนี้ คือเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิสูจน์สถานะบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่การออกบัตรประชาชน และเปิดโอกาสให้พี่น้องสามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ขอยืนยันว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีความเชี่ยวชาญ และดำเนินการภายใต้หลักจริยธรรมและข้อกฎหมายที่เข้มงวด การนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย และจะมีบทลงโทษอย่างชัดเจน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุชาติ เศรษฐมาลินี ระบุ
@@ ร่ำไห้ดีใจ...คนไทยได้สถานะ
ด้าน น.ส.ศศิธร ใครอามาตย์ ประชาชนจากจังหวัดสกลนคร เผยความรู้สึกว่า “ดีใจจนบอกไม่ถูก ถึงกับอยากร้องไห้ เพราะกว่า 20 ปีที่เฝ้ารออยากให้ลูกชายมีบัตรประชาชน วันนี้รัฐบาลได้ทำให้เป็นจริง ด้วยการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถตรวจ DNA และดำเนินการทำบัตรประชาชนได้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ลงพื้นที่ ไม่ทอดทิ้งพวกเรา”
นายแอลวิน ใครอามาตย์ กล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า กว่า 20 ปีที่ไม่สามารถกลับเมืองไทยได้ เพราะไม่มีบัตรประชาชน ชีวิตเต็มไปด้วยความหวาดระแวง กลัวจะถูกจับ แต่วันนี้ความกลัวเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว
“ผมรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจว่าจะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ไปหาญาติพี่น้องในเมืองไทย และอยู่เมืองไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
สำหรับกิจกรรมตรวจ DNA เพื่อออกบัตรประชาชนนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยมุ่งหวังให้คนไทยไร้สถานะในมาเลเซีย ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียม พร้อมเข้าสู่ระบบการดูแลจากภาครัฐในอนาคต