ไม้เด็ด “กูเซ็ง” ใช้แบรนด์ประชาชาติขอคะแนนโค้งสุดท้าย “ทวี สอดส่อง” ควงแขน “สองพี่น้องยาวอหะซัน” ลงพื้นที่นราฯ 5 อำเภอรวด ก่อนช่วย “กูเซ็ง” ขึ้นปราศรัยใหญ่สนามกีฬา อบจ.ท่ามกลางคนนับหมื่น ด้าน “ธรรมนัส” ตรึงพื้นที่-ไฮปาร์คดุ เปรียบแชมป์เก่าเหมือนมือถือ “2 จี” ชวนชาวบ้านปาทิ้ง
วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรี นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมลงพื้นที่พบปะคณะผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงประชาชนชาวนราธิวาส 6 จุด 5 อำเภอ มีมวลชนรอต้อนรับรวมๆ แล้วหลายพันคน
พื้นที่ที่คณะของ พ.ต.อ.ทวี เดินสาย กระจายใน 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอเจาะไอร้อง โดยจุดที่ 1 โรงเรียนอัตตัรกียะห์อิสลามียะห์ อำเภอเมืองนราธิวาส มี นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน ผู้สมัครนายก อบจ.นราธิวาส แชมป์เก่า 5 สมัย ร่วมลงพื้นที่ด้วย
@@ ลั่น “บ้านใหญ่กูเซ็ง” อยู่พรรคประชาชาติ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.มีส่วนสำคัญ และขณะนี้ นายกูเซ็ง ได้ประกาศแล้วว่ามาอยู่กับพรรคประชาชาติ มาอยู่กับ “แบนอร์” (หมายถึง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ) ลูกชายของนายก กูเซ็ง คือ นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็เป็นอดีต สส.ของพรรคประชาชาติ การเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนพรรคประชาชาติส่งตัวแทนมาเป็นผู้นำท้องถิ่น จึงถือได้ว่า หากเลือก นายกูเซ็ง ก็คือเลือกพรรคประชาชาติ
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่พรรคประชาชาติสนใจการเมืองท้องถิ่น เพราะเชื่อว่าการสร้างความอยู่ดีมีความสุขให้ประชาชน หนีไม่พ้นต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ที่ผ่านมาพี่น้องสามจังหวัดเลือกพรรคประชาชาติมาเพื่อกระจายอำนาจ ต่อไปเราต้องถ่ายโอนอำนาจ ตอนนี้ทำแล้วเรื่องของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. (โอนให้ อบจ.บางแห่งแล้ว) และอนาคตอาจจะต้องถ่ายโอนอำนาจเรื่องการศึกษา เรื่องราชทัณฑ์ และถ่ายโอนอำนาจเรื่องอื่นๆ ตามมา ดังนั้นการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นจึงมีความสำคัญ
@@ สองเวทีตัวเต็งประชันส่งท้าย - กูเซ็งยันผลงานเพียบ!
ช่วงค่ำวันเดียวกัน มีการเปิดเวทีปราศรัยครั้งสุดท้ายประชันกันระหว่างผู้สมัครนายก อบจ.นราธิวาส ตัวเต็ง 2 คน คือเบอร์ 1 กับเบอร์ 2
เวทีของ นายกูเซ็ง เบอร์ 1 จัดขึ้นที่สนามกีฬา อบจ.นราธิวาส มีมวลชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยเกือบ 2 หมื่นคน โดยมี พ.ต.อ.ทวี ร่วมเดินพบปะพี่น้องประชาชน และนั่งให้กำลังใจอยู่ด้านหน้าเวทีด้วย
ขณะเดียวกันก็มี สส.พรรคประชาชาติ ทยอยขึ้นเวทีปราศรัย พร้อมทั้ง นายกูเฮง และ นายวัชระ ลูกชายของนายกกูเซ็ง เนื้อหาเป็นการตอกย้ำว่า 25 ปีที่นายกกูเซ็งเป็นนายก อบจ. มีผลงานมากมาย ทำมาแล้วและและทำต่ออีก 4 ปี เพื่อพัฒนาจังหวัดนราธิวาสร่วมกับพรรคประชาชาติ
ทั้งนี้ การตอกย้ำประเด็น 25 ปีมีผลงาน เพราะนายกกูเซ็ง ถูกโจมตีจากคู่แข่งว่า เป็นนายก อบจ.มา 5 สมัย แต่ไม่มีผลงาน จึงเรียกร้องให้ประชาชนเปลี่ยนใจ เลือกผู้สมัครคนอื่น
@@ “ผู้กอง” ฉะแชมป์เก่าโทรศัพท์ ”2 จี” ได้เวลาโยนทิ้ง
ส่วนเวทีของ นายอับดุลลักษณ์ สะอิ ผู้สมัครหมายเลข 2 จัดขึ้นที่สนามกีฬาเทศบาลเมืองนราธิวาส โดยมีมวลชนหลักหมื่นเช่นกัน ไฮไลต์ของการปราศรัยอยู่ที่ “ผู้กองธรรมนัส” ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคกล้าธรรม
บรรยากาศของการปราศรัยเป็นไปอย่างดุเดือด บางช่วงบางตอนมีการเปรียบเทียบ นายกกูเซ็ง ว่าเหมือนโทรศัพท์มือถือยุค “2 จี” พร้อมโยนโทรศัพท์ทิ้งกลางเวที และประกาศว่า ขอให้ประชาชนชาวนราธิวาสเลือก นายอับดุลลักษณ์ เบอร์ 2 เพราะเปรียบเสมือนเครือข่ายโทรศัพท์ยุค “5 จี”