อีกหนึ่งสถานที่ในภารกิจของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องเดินทางไปเยี่ยมเยือนในการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งแรก (16 ม.ค.68) ก็คือ โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ
ในกำหนดการนายกรัฐมนตรีและคณะจะไปพบผู้นำศาสนาและนักเรียนโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ในเวลา 15.00–16.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 16 ม.ค.
โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ถือว่าเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเก่าแก่ชื่อดังของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อตั้งมายาวนานกว่า 70 ปี และมีนักเรียนที่จบการศึกษาเป็นศิษย์เก่าจากโรงเรียนแห่งนี้มากมาย เป็นใหญ่เป็นโต หน้าที่การงานดีๆ ก็ไม่น้อย
แต่ในช่วงปลายปี 47 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ มีชื่อปรากฎในหน้าสื่อต่างๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้จับกุม “8 อุสตาซ” (ครูสอนศาสนา) ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฎแบ่งแยกดินแดน โดยอุสตาซ 4 รายที่ถูกจับกลุ่มแรก ทั้งหมดเป็นอุสตาซของของโรงเรียนธรรมวิทยา ประกอบด้วย
- นายยูโซะ แวดือราแม => ถูกระบุเป็นหัวหน้าฝ่ายการทหารและยุทธการของขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN
- นายอับดุลรอซะ หะยีดอเลาะ => ถูกระบุว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของขบวนการ
- นายอาหามะ บูละ
- นายมูฮัมหมัดฮานาฟี ดอเลาะ
ในคราวเดียวกันนั้น ทางฝ่ายความมั่นคงยังได้มีการออกหมายจับ นายสะแปอิง บาซอ ครูใหญ่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ในขณะนั้น ในฐานะที่เป็นหัวหน้า และมีบทบาทสูงสุดในขบวนการ BRN
ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า การปล้นอาวุธปืนครั้งมโหฬารจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 เป็นการกระทำของกลุ่มติดอาวุธขบวนการ BRN ที่มีนายสะแปอิงเป็นแกนนำ รวมทั้งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่อีกหลายเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 47 เป็นต้นมา
นายสะแปอิง บาซอ ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านต้นมะขาม หมู่ 4 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี อดีตเคยมีตำแหน่งเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา
เขาจบการศึกษาด้านศาสนาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย และไปเป็นครูที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ต่อมาได้สมรสกับบุตรสาวของ นายหะยีฮา-รน สุหลง เจ้าของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จึงได้เป็นผู้จัดการโรงเรียน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็น “ครูใหญ่” นั่นเอง
หลังถูกฝ่ายความมั่นคงออกหมายจับเนื่องจากเป็นแกนนำคนสำคัญของขบวนการ BRN นายสะแปอิงจึงได้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยเขาถูกระบุว่าเป็นดั่ง “ผู้นำจิตวิญญาณของ BRN” เคยมีรางวัลนำจับเป็นเงินหลายล้านบาท ก่อนจะยกเลิกในภายหลัง
คนใกล้ชิดและลูกศิษย์ลูกหาโดยมากไม่ค่อยมีใครเชื่อว่า สะแปอิง บาซอ คือคนที่ฝ่ายความมั่นคงกล่าวหา และส่วนใหญ่ยังเคารพรักอดีตครูใหญ่โรงเรียนธรรมฯ คนนี้ไม่เสื่อมคลาย
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค.60 มีรายงานว่า นายสะแปอิง ได้เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว และมีพิธีฝังศพที่กุโบร์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
และในวันที่ 16 ม.ค.60 บรรดาศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ รวมถึงอุสตาซ ผู้นำศาสนา และประชาชนหลายพันคนได้มาร่วมกันละหมาดฆออิบ (ละหมาดศพโดยไม่มีศพ) ให้แก่นายสะแปอิง ภายในโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.ยะลา
การเดินทางไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ของนายกฯแพทองธาร ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่คนที่เคยเดินทางไปเยือน ตั้งแต่ปี 2547 ที่ไฟใต้ปะทุรอบใหม่ จึงต้องถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของพื้นที่ และของการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เลยทีเดียว
โดยเฉพาะสถานะการเป็นผู้นำหญิงของ นายกฯแพทองธาร
อาจารย์รอซี เบ็ญสุหลง ผู้อำนวยการ และผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ บอกว่า น.ส.แพทองธาร นับเป็นนายกรัฐมตรีคนที่ 4 ที่เข้าตรวจเยี่ยมที่โรงเรียน ได้แก่ นายกฯชวน หลีกภัย, นายทักษิณ ชินวัตร, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายกฯแพทองธาร
@@ เด็ก รร.ธรรมฯ เตรียมผลงานต้อนรับนายกฯ
สำหรับบรรยากาศการเตรียมความพร้อมต้อนรับนายกฯ ที่โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ เป็นไปอย่างคึกคัก มีการเตรียมพื้นที่ลานสนามกีฬาที่สามารถรองรับนักเรียนและครูได้ถึง 5,000 คน
ส่วนภายในห้องประชุม มีการเตรียมตัวของนักเรียนที่รับหน้าที่กล่าวต้อนรับนายกฯ รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการผลงานของนักเรียน นวัตกรรมต่างๆ ที่นักเรียนเคยส่งเข้าประกวดหรือจัดแสดง ทั้งในระดับจังหวัดจนถึงระดับนานาชาติอาทิ ผลงานด้านพลังงาน ธนาคารขยะ ดอกไม้พลาสติกเหลือใช้ น้ำยาขัดรองเท้าลดโลกร้อน และผลงานรางวัลการประกวดผลิตภัณฑ์ ที่ชนะเลิศในระดับประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งผลงานศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ รางวัลจากการแข่งขันกีฬาการยิงธนู TVM ARCHERY
นัสรอน ยานยา นักเรียนชั้น ม.2 บอกว่า สิ่งที่จะนำเสนอนายกฯ เป็นผลงานนวัตกรรม คือการทำกล้องจุลทรรศน์จากเศษวัสดุเหลือใช้ คือ สมารท์โฟนเก่า
ขณะที่ อาริฟะห์ ยะผา นักเรียนหญิงของโรงเรียน เผยว่า จะนำเสนอศิลปะการกีฬาในพื้นที่ คือ การยิงธนู ซึ่งเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคาบสมุทรมลายู ที่ผ่านมาได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬายิงธนูในหลายพื้นที่ ทั้งประเทศมาเลเซีย และภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย
ความพิเศษของกีฬาชนิดนี้ คือเป็นกีฬาที่ ท่านนบีมูฮัมมัดใช้รออกกำลังกายในสมัยก่อน เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม และสิ่งสำคัญ เสน่ห์อยู่ที่การแต่งกาย ชุดที่ใช้ในการแข่งขันจะมีความเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวมลายู
@@ ผุด “แผนพิทักษ์กำลังพล” หยุดเลือดไหล-ใบไม้ร่วง
อีกด้านหนึ่ง พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) ให้สัมภาษณ์ “ทีมข่าวอิศรา” ถึงการเพิ่มมาตรการรับมือการเร่งก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งโดยมากพุ่งเป้ากระทำต่อเจ้าหน้าที่ของรับ ว่า ได้จัดเตรียมแผนพิทักษ์กำลังพล ทั้งที่เป็นกำลังพลในโครงสร้างของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในโครงสร้างแต่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่
แผนดังกล่าวนี้จะใช้กำลังรักษาความปลอดภัยบุคคล แบ่งเป็น 2 ขั้น คือ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ และระหว่างการลาพัก ซึ่งการรักษาความปลอดภัยก็จะแบ่งเป็น 3 มาตรการ คือ การรักษาความปลอดภัยโดยตัวเอง, การรักษาความปลอดภัยโดยชุมชน และการดูแลโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในทุกๆ พื้นที่ก็จะมีมาตรการในการดูแลกำลังพลที่ปฏิบัติงาน
@@ สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ เรียกร้อง “หยุดทำร้ายครู”
ดร.ขดดะรี บินเซ็น นายกสมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์เหตุการณ์ระเบิดโจมตี ครู ตชด. โดยเรียกร้องให้คู่สงครามปกป้องความปลอดภัยครูและคนทำงานด้านการศึกษา ไม่ว่าจากหน่วยงานใด ทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย อีกทั้งยึดมั่นต่อกฎกติกามารยาทในการทำสงครามทั้งตามกฎหมายอิสลามและสากล
นอกจากนั้น ในข้อตกลงการพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ ต้องมีเรื่องพื้นที่ปลอดภัยด้านการศึกษารวมอยู่ด้วย
@@ BRN โพสต์อ้างสังหารครู ตชด. เพราะเป็น “พลรบ”
ท่ามกลางกระแสประณามการทำร้ายครู ปรากฏว่า เพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “BRN – Barisan revolusi nasional” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถครู โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอฯ พร้อมระบุข้อความอ้างถึงเหตุที่เกิดขึ้น ตอนหนึ่งว่า “…พลรบสยามไทยที่เสียชีวิตจากการปกป้องผืนแผ่นดินที่ปล้นชิงมา…แม้ด้วยภาระหน้าที่ของท่านถูกมอบหมายให้เป็นครู แต่ด้วยภาระหน้าที่หลักของท่านคือพลรบ ท่านจึงมิอาจหลีกหนีจากการสู้รบได้ การเสียชีวิตของท่านถือเป็นการพลีชีพแต่สยามไทยอย่างแน่วแน่ แม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ในสถานะนักรบจึงมิอาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลายได้”
ทั้งนี้ โพสต์ข้อความดังกล่าว ถือเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ทาง BRN ออกมายอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของพวกตน แต่การโพสต์ข้อความในลักษณะนี้ก็ถูกประณามและตำหนิวิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่าไม่มีความเหมาะสม ไม่ให้เกียรติคนตาย และไม่มีความเป็นมนุษย์
แต่ก็มีกลุ่มผู้สนับสนุนการก่อเหตุรุนแรง เข้าไปโพสต์แสดงความสะใจ รวมทั้งกล่าวถึงผู้สูญเสียในทางไม่ดีด้วยเช่นกัน