จัดกำลังปิดล้อมไล่ล่า “ฮัมดี โตะมะ” ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงแย่งพวงมาลัยรถขณะถูกคุมตัวส่งศูนย์ซักถาม ทำเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ดับ-เจ็บอื้อ เชื่อเจ้าตัววางแผนต่อสู้ขัดขืนเพื่อหลบหนีมาก่อนแล้วเนื่องจากไม่ถูกใส่กุญแจมือ พบข้อมูลเอี่ยวคาร์บอมบ์ สภ.ปะเนาเระ - บึ้มรถ ตชด. – ปล้นเงินล้านพนักงานสะดวกซื้อ
ความคืบหน้ากรณี นายฮัมดี โตะมะ อายุ 32 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง ได้ก่อเหตุต่อสู้ขัดขืน ดึงพวงมาลัยรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ ขณะถูกคุมตัวเดินทางไปส่งศูนย์ซักถามของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) ที่ อำเภอเมืองยะลา จ.ยะลา จนรถชนราวสะพานริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 ในพื้นที่ ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย ส่วนนายฮัมดีสามารถหลบหนีไปได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันพุธที่ 25 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา
ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 26 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมจัดกำลังกระจายเป็นวงล้อมทั่วพื้นที่ ต.คอลอตันหยง เพื่อค้นหาตัวนายฮัมดี ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ โดยมีการประสานไปยังผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.คอลอตันหยง และพื้นที่ใกล้เคียง ให้ช่วยกันค้นหาอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากเจ้าหน้าที่จะกระจายกำลังเข้าปิดล้อมแบบเต็มพื้นที่แล้ว ยังมีการนำกำลังและประสานไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใกล้เคียง ให้เข้าไปตรวจสอบยังสถานพยาบาลทุกแห่ง เนื่องจากคาดว่า นายฮัมดีน่าจะได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามค้นหานายฮัมดี เพื่อนำตัวกลับเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายโดยเร็วที่สุด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายฮัมดี ได้มีการวางแผนและมีเจตนาที่จะหลบหนีไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงใช้จังหวะเมื่อรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ชะลอความเร็วในขณะจะขึ้นสะพาน ต่อสู้ขัดขืน ปัดมือเจ้าหน้าที่ที่คุมตัวอยู่ข้างๆ ก่อนกระโจนตัวไปแย่งพวงมาลัยรถจากพลขับ จนรถเสียการควบคุม พุ่งชนราวสะพานเข้าอย่างจัง ทำให้ อส.ทพ.ไพโรจน์ ปราบปราม พลขับ เสียชีวิตคาที่ และเจ้าหน้าที่อีก 3 นายได้รับบาดเจ็บ ส่วนนายฮัมดีใช้จังหวะชุลมุนหลบหนีไป
@@ ใช้เครื่องมือพิเศษยังไม่เจอ สงสัยเผ่นข้ามตำบลแล้ว
เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติในพื้นที่รายหนึ่ง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ใช้สุนัขดมกลิ่นในการแกะรอย แต่ก็ไม่สามารถติดตามตัวได้ อีกทั้งในเวลากลางคืนใช้โดรนบิน และใช้เครื่องมือตรวจจับความร้อนบริเวณพื้นที่โดยรอบก็ไม่พบตัว ทำให้เชื่อได้ว่า นายฮัมดีอาจหลบหนีออกจากพื้นที่ไปหลังเกิดเหตุได้ไม่นาน
@@ เผยช่องโหว่ “ไม่ใส่กุญแจมือ”
“ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ได้มีการใส่กุญแจมือผู้ต้องสงสัย จึงทำให้นายฮัมดีทำอะไรได้มากกว่าที่คาดไว้ ก็ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุลักษณะนี้ ตลอด 20 กว่าปีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่เป็นต้นมา” เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ กล่าว
@@ เอี่ยวก่อเหตุอุกฉกรรจ์เพียบ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังควบคุมตัวนายฮัมดี ได้ในวันที่ 19 ธ.ค.67 แล้วส่งไปยังศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อซักถามในเบื้องต้นพบว่า มีความเชื่อมโยงในการก่อเหตุรุนแรงหลายคดี ประกอบด้วย
- เหตุคาร์บอมบ์ ข้าง สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 ต.ค.67
- เหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 446 ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.67
- เหตุปล้นเงินพนักงานร้านสะดวกซื้อ หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส จำนวนเงิน 1,200,000 บาท เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67
@@ แจงเคารพสิทธิ “ผู้ต้องสงสัย” ไม่ใส่กุญแจมือ
ประเด็นการไม่ใส่กุญแจมือผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง จนสามารถก่อเหตุแย่งพวงมาลัย จนรถควบคุมตัวเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง และมีความสูญเสียเกิดขึ้นนั้น กลายเป็นข้อถกเถียงกันถึงความเหมาะสม และการเป็นจุดอ่อนหรือช่องโหว่ในกระบวนการควบคุมตัวหรือไม่
เรื่องนี้ พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวว่า เรื่องมาตรการการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยนั้น ขั้นแรกของการเชิญตัว ผู้ที่ถูกควบคุมตัวไม่ใช่ผู้ต้องหา เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย และเชิญตัวมาเพื่อทำการซักถามเท่านั้น ดังนั้นมาตรการในการควบคุมตัวตามกฎหมาย ไม่สามารถที่จะพันธนาการได้ (ใส่กุญแจมือไม่ได้) เพราะเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด จะทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมิได้ มิเช่นนั้นจะถือว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิด
“ในกรณีของนายฮัมดี คนร้ายที่ก่อเหตุนั้น ก่อนหน้านี้เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยที่ทางเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาซักถาม และเมื่อมีการควบคุมตัวนายฮัมดี ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถใส่กุญแจมือหรือพันธนาการร่างกายใดๆ ได้ทั้งสิ้น ตามหลักสิทธิมนุษยชน”
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. กล่าวอีกว่า จากจุดนี้ทำให้เชื่อว่า นายฮัมดี ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าที่จะก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งเมื่อสบโอกาส นายฮัมดีจึงลงมือทันที เนื่องจากนายฮัมดีไม่ได้ใส่กุญแจมือ จึงทำให้ลงมือได้ง่าย ในขณะที่เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น
“หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางเจ้าหน้าที่คงต้องมีมาตรการในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เข้มงวดและรอบคอบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทของรถ หรือมาตรการอื่นๆ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยได้อีก” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ระบุ