“พ.ต.อ.ทวี” ล่องใต้ไม่เว้นวันหยุดราชการ ติดตามความคืบหน้าเปิดด่านถาวร “บูเก๊ะตา” นราธิวาส หลังวางศิลาฤกษ์มานานกว่า 15 ปี ป่านนี้ยังใช้งานได้ไม่สมบูรณ์ เตรียมขอขยายพื้นที่แก้ไขปัญหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย พร้อมเผยปี 68-70 ไทย-มาเลเซียเตรียมพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อด่านพรมแดน 3 จุด ฝั่งแว้ง-โกลก
วันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค.67 พ.ต.อ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและรับฟังปัญหาการเปิดด่านถาวรบูเก๊ะตา ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส
สาเหตุที่ระดับรัฐมนตรีต้องลงพื้นที่ เป็นเพราะปัจจุบันได้สร้างอาคารด่านศุลกากรบูเก๊ะตา ตามโครงการระยะที่ 1 ถึง 3 เสร็จแล้ว โดยใช้งบประมาณราว 260 ล้านบาท แต่กลับไม่สามารถเปิดให้บริการด้านศุลกากรที่บูเก๊ะตาได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศบริเวณใกล้เคียง ก่อนที่จะข้ามสะพานมิตรภาพไทย-มาเลเซีย แห่งที่ 2 ซึ่งเชื่อมไปยังฝั่งมาเลเซีย ยังคงมีพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการเล็ดลอดหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ และเป็นอุปสรรคต่อการทำพิธีการด้านศุลกากร
ที่ผ่านมาในรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้มีการส่งรัฐมนตรีลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม
ต่อมา ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต) ภายใต้การอำนวยการและประสานข้อมูลของ พ.ต.อ.ทวี ได้เตรียมแผนขอขยายพื้นที่ของด่านพรมแดนบูเก๊ะตาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และยังเตรียมแผนปรับเปลี่ยนเส้นทางการจราจรในพื้นที่โดยรอบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งใน จ.สงขลา จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา ใช้ด่านพรมแดนบูเก๊ะตาเป็นช่องทางหลักเพื่อเดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซียด้วย
การเดินทางลงพื้นที่ของ พ.ต.อ.ทวี มีหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เฝ้ารอการเปิดด่านอย่างสมบูรณ์ มารอรับอย่างคับคั่ง
พ.ต.อ.ทวี ได้พูดคุยกับทุกภาคส่วน และเข้าประชุมติดตามความคืบหน้า ก่อนจะบอกว่า ศอ.บต ต้องการให้รัฐบาลช่วยผลักดันและเจรจาให้มาเลเซียปรับปรุงพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางด้านฝั่งมาเลเซียเพื่อรองรับการเดินทางเชื่อมต่อจากฝั่งไทย รวมทั้งต้องการให้มาเลเซียยกระดับความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกต่อการนำเข้าและส่งออกปศุสัตว์ และสินค้าเกษตรจากฝั่งไทยด้วย
พ.ต.อ.ทวี ยังย้อนอดีตให้ผู้เกี่ยวข้องฟังว่า เมื่อ 15 ปีก่อน นายทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือผู้เดินทางมาวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างสะพานบูเก๊ะตา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างด่านพรมแดน ระยะเวลาผ่านมาถึง 15 ปี พื้นที่นี้ควรจะเจริญกว่านี้มาก แต่กลับติดกับดักปัญหา การมาวันนี้ก็เพื่อมาแก้ไข โดยใช้อดีตเป็นบทเรียน
“บรรยากาศความร่วมมือของสองประเทศตอนนี้เป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะการที่นายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย แต่งตั้งท่านทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในฐานะประธานอาเซียนนั้น ยิ่งเอื้อต่อบรรยากาศของการเจรจาระหว่างไทยกับมาเลเซียในการแสวงหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งการยกระดับความร่วมมือตามแนวชายแดน การพัฒนาการค้า และการลงทุนข้ามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย รวมถึงการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ”
“ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถกระทำโดยรัฐบาลชาติใดชาติหนึ่งเพียงฝ่ายเดียวได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไข โดยใช้การพูดคุยและเจรจาเป็นกลไกหลัก ไม่ใช่การเผชิญหน้าทางการทหาร ผมจะนำประเด็นนี้รายงานต่อนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ระหว่างปี 2568-2570 ไทยและมาเลเซียจะพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพิ่มขึ้น เพื่อเชื่อมต่อด่านพรมแดน 3 จุด คือ ด่านพรมแดนบูเก๊ะตา อ.แว้ง จ.นราธิวาส, ด่านศุลกากร บุกิตบุหงา ในประเทศมาเซีย และด่านศุลกากร สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นด่านพรมแดนที่เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน
ทั้งนี้ ได้กำชับว่าในระหว่างที่มีการก่อสร้างพัฒนาเส้นทางคมนาคม หน่วยงานรัฐต้องช่วยลดผลกระทบทางด้านจราจรให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และทาง ศอ.บต.ได้รายงานว่ามีการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก เพื่อแก้ปัญหาจราจรในช่วงที่มีโครงการก่อสร้างขยายด่านพรมแดนด้วย
@@ ร่วมทอดผ้าป่าที่โคกสะตอ ชูเมืองไทย “พหุวัฒนธรรม”
หลังเสร็จภารกิจที่ด่านบูเก๊ะตา พ.ต.อ.ทวี เดินทางต่อไปร่วมพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี ที่วัดศรีภิญโญศรัทธาราม ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยมี พระสมุห์นพเดช ฐิตเตโช เจ้าอาวาส เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
สำหรับวัดศรีภิญโญศรัทธาราม เป็นวัดอยู่ในพื้นที่บ้านย่อยที่แยกจากบ้านธรรมเจริญ จัดเป็นถิ่นทุรกันดาร อยู่ในหุบเขาในเขต ต.โคกสะตอ ในอดีตมีพี่น้องชาวไทยพุทธเข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม เมื่อชุมชนขยายใหญ่ขึ้น จำเป็นต้องมีการประกอบศาสนกิจตามศาสนาที่ตนนับถือ ทำให้คณะญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาได้มอบที่ดินเพื่อใช้เป็นที่พักสงฆ์และปฏิบัติศาสนกิจ ตลอดจนได้สร้างวัดมีเนื้อที่จำนวน 21 ไร่ และได้รับประกาศเป็นวัดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564 โดยมี พระสมุห์นพเดช ฐิตเตโช เจ้าอาวาส เป็นผู้รับมอบประกาศตราตั้ง
โอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวี ได้พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และพูดคุยอย่างเป็นกันเอง โดยบอกว่าได้มาร่วมทำบุญ เป็นกิจกรรมอันประเสริฐ โดยเฉพาะพื้นที่แห่งนี้ ต.โคกสะตอ เป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม วัดถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวพุทธ ทำให้มีจิตใจสงบ
การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมต้องให้เกียรติ คนพุทธก็จะอยู่ในปัตตานี อยู่ในยะลา นราธิวาสได้อย่างคนพุทธ เช่นเดียวกันในประเทศไทย คนมุสลิมก็จะอยู่ในประเทศได้อย่างมุสลิม ดังนั้นการให้เกียรติ การเคารพซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะศาสนาไม่ใช่สาเหตุของการทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรทั้งนั้น แต่ศาสนาเป็นเรื่องของการสร้างความรักความสามัคคี การสร้างสมานฉันท์
โอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังได้กล่าวอวยพรปีใหม่ ขอให้สิ่งไม่ดีในปีเก่าได้หายไป ขอให้มีสิ่งดีๆ เข้ามา มีสุขภาพแข็งแรง มีความสุข คิดอะไรได้สมปรารถนา และให้มีโชคดี
“อาทิตย์หน้าจะเป็นวันคริสต์มาส ก็ถือว่าฉลองร่วมกัน สมัยที่เป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ได้ขอให้วันตรุษจีนเป็นวันหยุดราชการ และขอให้วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดราชการด้วย ก็จะมีคนบอกว่าคนน้อย แต่จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องมากน้อย มันเป็นเรื่องของการเคารพในสิ่งที่เป็นความเชื่อถือศรัทธาของแต่ละกลุ่มชน”
@@ ตะลุยพื้นที่รับฟังปัญหาหลังอุทกภัย
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้ลงพื้นที่พบปะแกนนำพรรค พร้อมตรวจสภาพพื้นที่และร่องรอยหลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยมีประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับและร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือในประเด็นต่างๆ
โอกาสนี้ พ.ต.อ.ทวี ได้ร่วมชิมกล้วยหินบวชชี ร่วมกับผู้นำและประชาชนในพื้นที่ พร้อมชมว่าฝีมือดี รสชาติอร่อย ชื่นใจ