เมื่อเร็วๆ นี้ พล.ต.ท.ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับการเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งจะเริ่มกวดขันจับกุมในวันที่ 1 ธ.ค.67 นี้
โดยเนื้อหาของแถลงการณ์ระบุว่า ทางการมาเลเซียจะมีมาตรการตรวจสอบเส้นทางตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้าไปประเทศไทย โดยข้ามไปมาตามท่าเรือผิดกฎหมาย เมื่อข้ามไปแล้วกลับเข้ามา หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบให้จับกุมทันที การเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยกับมาเลเซีย ขอให้ใช้ “บอเดอร์พาส” (บัตรผ่านแดนชั่วคราว) หรือ พาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง) เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการนำสิ่งเสพติดหรืออาวุธต่างๆ กลับไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้
สำหรับผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุมปรับเป็นเงินรายคนๆ ละ 10,000 ริงกิต หรือเป็นเงินไทย ประมาณ 77,607 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
@@ ยา– ต่างด้าวทะลักกลันตัน ต้นเหตุคุมเข้ม
สาเหตุการเพิ่มความเข้มงวดในการเข้า-ออกชายแดนประเทศมาเลเซีย เป็นผลมาจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้จับกุม น.ส.วันโนรซาฮีดาอัชลิน บินตี วันอิสมาอีล นักร้องดังมาเลเซียขวัญใจวัยรุ่น พร้อมพวก 6 คน โดยมียาบ้าของกลาง จำนวน 6,060 เม็ด ที่ห้องพักโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 1 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ประเทศมาเลเซียเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
อีกทั้งเมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ทางกรมตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย (JIM) สามารถจับกุมเครือข่ายองค์กรลักลอบขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมายกลุ่มใหญ่ ได้ในพื้นที่เมืองรันเตาปันจัง รัฐกลันตัน โดยสามารถจับกุมรถตู้และรถจักรยานยนต์ พร้อมผู้ต้องหาที่เป็นทั้งผู้บงการชาวไทย ผู้ทำหน้าที่ขนส่ง และกลุ่มคนที่ลักลอบเข้าเมือง รวม 47 ราย
เครือข่ายลักลอบขนคนเข้าเมืองผิดกฎหมายกลุ่มนี้ จะมุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติที่ถูกขึ้นบัญชีดำและต้องการเข้าประเทศมาเลเซีย โดยใช้รถตู้ท่องเที่ยวของไทย มีการเรียกเก็บเงิน 3,000 – 6,000 ริงกิตเป็นค่าดำเนินการต่อคน ขึ้นอยู่กับสัญชาติของผู้ลักลอบเข้าเมือง ซึ่งองค์กรนี้เปิดดำเนินการมา 2 เดือนแล้ว
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ กล่าวว่า รัฐกลันตันกำลังเดือดในช่วงนี้ สาเหตุไม่ใช่แค่ประเด็นเจ้าหน้าที่ไทยจับนักร้องมาเลย์ แต่เป็นการสะสมจากหลายสาเหตุ เพราะก่อนหน้านี้มีหลายเรื่องมาก่อนแล้ว ทั้งเรื่องยาเสพติดที่ระบาดเข้าไปยังฝั่งมาเลย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบต้นทางมาจาก อ.สุไหงโก-ลก ฝั่งไทย เนื่องจากวัยรุ่นมาเลย์ มักจะข้ามฝั่งมาเที่ยวโก-ลก ผ่านช่องทางเรือหรือช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ทำให้หน่วยรับผิดชอบพื้นที่กลันตันถูกตำหนิว่า ปล่อยปละละเลยให้อาชญากรรมเฟื่องฟู จนยาเสพติดมากกว่ารัฐอื่น ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่และหน่วยกลางของมาเลเซียต้องเข้มงวดมากขึ้นเป็นพิเศษ
@@ สะเทือนเมืองชายแดน – ยอดจองโรงแรมวูบ
จากมาตรการดังกล่าวของทางการมาเลเซีย ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และงานบริการด้านต่างๆ ในภาพรวมทั้งระบบของฝั่งไทย เพราะวิถีชีวิตเมืองชายแดนส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านจะเดินทางมากิน เที่ยว และจับจ่ายซื้อสินค้าแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือนอนค้างแรม 1-2 คืนแล้วกลับ ขณะที่คนไทยจะใช้เส้นทางจุดผ่อนปรนสำหรับการเดินทางไปเรียนหนังสือและเยี่ยมญาติที่อยู่ในฝั่งมาเลเซีย
นายสมโภชน์ หงษ์กิตติยานนท์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเก็นติ้ง กล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าวทางการมาเลเซียเข้มงวดการเดินทางเข้า-ออกอย่างผิดกฎหมาย และกระแสข่าวการปิดท่าข้าม ท่าเรือเอกชน ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะมาก จากเดิมในช่วงสุดสัปดาห์ยอดจองห้องพัก จะมีประมาณ 100-200 ห้องต่อคืน ตอนนี้เหลือแค่ 15-20 ห้องต่อคืน
“หากมีการประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น ก็จะกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจในสุไหงโก-ลกทั้งระบบ ทั้งการค้า งานบริการ และการท่องเที่ยว จึงขอวิงวอนภาครัฐช่วยหาวิธีการแก้ปัญหาหรือแสวงหาจุดร่วมที่สามารถดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่ร่วมกัน เพื่อต่อลมหายใจให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วย” กรรมการผู้จัดการโรงแรมเก็นติ้ง กล่าว
@@ แม่ค้ารากหญ้ายอดขายตก รายได้หายครึ่งหมื่น
น.ส.เฟาซียะห์ มะนาวี แม่ค้าร้านขายอาหารตามสั่งในชุมชนท่ากอไผ่ กล่าวว่า มีข่าวออกมาตลอดว่าทางการมาเลเซียจะปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก กระแสข่าวดังกล่าวทำให้ชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาทางจุดผ่อนปรนลดลงไปมาก จากเดิมที่ขายอาหารมีรายได้ต่อวันประมาณ 5,000-6,000 บาท ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาขายน้ำแทน ทำให้มีรายได้ไม่ถึง 1,000 บาท
“ยิ่งทางการมาเลเซียประกาศใช้มาตรการดำเนินคดีกับผู้ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ธ.ค.67 นี้ ตอนนี้ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศก็วิตกกังวลจนไม่กล้าเดินทางเข้า-ออกช่องทางนี้กันแล้ว” แม่ค้ารายเดิม ระบุ
@@ สส.ประชาชาติ รุดหารือ ผบ.ตำรวจกลันตัน
ล่าสุดวันนี้ (25 พ.ย.67) นายกลมศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ และประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทบถึงนักเรียนไทยที่ต้องข้ามไปเรียนยังฝั่งมาเลเซีย และครูสอนศาสนาที่ต้องเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียทุกวันด้วย
ประเด็นนี้ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน ชี้แจงว่า ประเด็นสำคัญของการเข้มงวด คือต้องการป้องกันการนำยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของมาเลเซียได้มีการประชุมเรื่องนี้ พร้อมทั้งหาแนวทางการแก้ปัญหาให้กับกลุ่มนักเรียน จำนวน 300 คน และผู้นำศาสนาอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องเดินทางเข้า-ออกทุกวัน
@@ เปิดบ้านพัก นร. - เปิดช่องทางครูสอนศาสนาข้ามแดน
เบื้องต้นได้วางแผนเปิดที่พักชั่วคราวให้กับนักเรียนคนไทยที่ได้รับผลกระทบ โดยได้ร่วมหารือกับผู้ปกครองนักเรียนแล้ว ส่วนผู้นำศาสนาที่ต้องเดินทางเข้าไปสอนหนังสือในประเทศมาเลเซีย ขอให้นำส่งรายชื่อให้เจ้าหน้าที่เพื่อวางแผนในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้บุคคลกลุ่มนี้ และเตรียมเปิดด่านชายแดน จากเดิมจะเปิด เวลา 07.00 น.ตามเวลามาเลเซีย ซึ่งตรงกับเวลา 06.00 น.ของไทย ก็จะปรับมาเป็นเวลา 06.00 น.ตามเวลาของมาเลเซีย โดยตรงกับเวลา 05.00 น.ของไทย ซึ่งเป็นเวลาเดิมที่ดำเนินการมาก่อนเกิดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โอกาสนี้ นายกมลศักดิ์ จึงเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของทั้ง 2 ประเทศควรมีการประสานงานกันให้ชัดเจน และหารือร่วมกันบ่อยขึ้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง จะได้นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
@@ เสนอรัฐมนตรี 2 ประเทศถกทางออกสกัดยาเสพติด
ส่วนแผนระยะยาว นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า ได้มีความเห็นร่วมกันว่าจะมีการนำเสนอให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ พบปะกันเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ภัยแทรกซ้อน และผลกระทบที่มีต่อประชาชน นักเรียน รวมทั้งผู้นำศาสนาในพื้นที่เมืองชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตนได้นำเรื่องนี้รายงานต่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่มีหน่วยงานขึ้นตรง คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ สำนักงาน ป.ป.ส. ซี่งมีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดโดยตรงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นสำหรับวันที่ 1 ธ.ค.67 จำเป็นต้องดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมายตามประกาศเดิมไปก่อน และในระหว่างนั้นจะมีการประเมินปัญหาและผลกระทบเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร
นายกมลศักดิ์ กล่าวย้ำว่า บรรยากาศการพูดคุยกันในวันนี้ถือว่าเป็นไปด้วยดี และ พล.ต.ท.ดาโต๊ะมูฮัมหมัดยูโซฟ บิน มามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และพร้อมจะพิจารณาแนวทางการดำเนินการในการป้องกันชายแดนที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชนเมืองชายแดนให้มากที่สุด