ผู้ประกอบการ Shuttle Bus รถโดยสารสนามบินเบตงถอดใจ ขอระงับเดินรถ 120 วัน หลังนกแอร์หยุดบิน ทำผู้โดยสารน้อยไม่คุ้มทุน รอความชัดเจนสายการบินอื่นมาเปิดเส้นทางบินหรือไม่ หากยังยังว่างเปล่าพร้อมยกเลิกใบอนุญาตเดินรถ
จากกรณี บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ได้หยุดทำการบินชั่วคราวในเส้นทาง กรุงเทพฯ-เบตง ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.65 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าการไม่มีเที่ยวบินมาลงเป็นประจำ ส่งผลกระทบกับการเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางรถโดยสารประจำทางหมวด 4 สายที่ 8594 เส้นทางท่าอากาศยานเบตง-เมืองเบตง-ด่านพรมแดนเบตง ระยะทาง 20 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 40-100 บาทตามระยะทาง
ล่าสุด บริษัท ซี.คลีน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเดินรถเส้นทางดังกล่าว ได้ทำหนังสือแจ้งสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา เพื่อขอระงับการเดินรถชั่วคราวเป็นเวลา 120 วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากเส้นทางเดินรถนี้ได้เปิดให้บริการ เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกในการเดินทางเชื่อมต่อกับสนามบินเบตง ซึ่งให้บริการตั้งแต่เดือน มี.ค.-28 ต.ค.65 รวมกว่า 7-8 เดือน โดยให้บริการตามจำนวนเที่ยวบินของสายการบินนกแอร์ สัปดาห์ละ 3 วัน คือ ทุกวันอังคาร, ศุกร์ และอาทิตย์ เบื้องต้นได้นำรถ Shuttle Bus รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (มินิบัส) ขนาด 20 ที่นั่ง จำนวน 2 คัน มาให้บริการ เฉลี่ยมีผู้โดยสารประมาณ 5 คนต่อวัน และเป็นผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินเบตงเป็นหลัก
นายธนวัฒน์ ประสานธรรมคุณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซี.คลีน เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ช่วงแรกๆ ที่ให้บริการ ผู้โดยสารยังไม่รับรู้มากนัก ทำให้คนใช้บริการน้อย จนกระทั่งในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.65 ที่ประชาชนเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.เบตง จำนวนมาก ผู้โดยสารเริ่มรู้จัก เพราะสามารถลงที่สนามบินแล้วเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองเบตงได้ทันที
“ที่ผ่านมาพบว่า ยังไม่มีความคุ้มค่าในการเดินรถ เพราะการเปิดให้บริการมินิบัสไฟฟ้าใช้เงินลงทุนประมาณ 7-8 ล้านบาท แบ่งเป็นต้นทุนรถมินิบัสไฟฟ้าคันละ 3 ล้านบาท รวม 2 คันเป็น 6 ล้านบาท และค่าดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อนกแอร์หยุดบิน จึงขอระงับการเดินรถเส้นทางดังกล่าวก่อน เพื่อรอความชัดเจนของสายการบินอื่นๆ ที่จะมาทำการบินต่อจากสายการบินนกแอร์”
นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นมีข้อมูลว่าสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส จะมาทำการบินจากสนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา มาที่สนามบินเบตง โดยใช้เครื่องบินลำเล็ก รหรืออาจจะมีสายการบินอื่นๆ เพิ่มเติม หากมีความชัดเจนของสายการบินที่จะมาทำการบินแล้ว จึงจะพิจารณาแผนในการเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางดังกล่าวอีกครั้ง หรือถ้าพบว่าไม่มีสายการบินมาบินเลย ก็จะขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบการเดินรถกับทางกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อให้สำนักงานขนส่งยะลาไปเปิดหาผู้ประกอบการรายใหม่มาให้บริการแทน
@@ ชาวจะแนะดีใจสะพานแบริ่งประกอบเสร็จพร้อมใช้งาน
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย.65 นายซูปียัน แดเมาะเล็ง นายอำเภอจะแนะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย ร.ท.วัชรินทร์ ลีพิลา ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4910 (ผบ.ร้อย.ทพ. 4910) ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้าน ได้ทำพิธีรับมอบสะพานแบริ่ง ซึ่งทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 จ.สงขลา ได้สนับสนุนเคลื่อนย้ายมาประกอบเป็นสะพานชั่วคราว ที่บริเวณคอสะพานเขตรอยต่อระหว่างบ้านไอร์บือแต หมู่ 4 ต.ช้างเผือก กับบ้านน้ำหอม หมู่ 7 ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ หลังจากเจอสภาวะมวลน้ำป่าที่ไหลเชี่ยวกรากพัดกัดเซาะจนคอสะพานขาด เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.65 ซึ่งการประกอบสะพานแบริ่ง เจ้าหน้าที่ ปภ.เขต 12 ใช้เวลาประกอบแล้วเสร็จในเวลาเพียง 3 วัน
โดยในช่วงเช้า นายสำราญ มัธยม นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน ปภ.เขต 12 ได้มีการทดสอบให้รถยนต์ของชาวบ้านและของส่วนราชการวิ่งสัญจรไปมา เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งสะพานแบริ่งแห่งนี้มีความยาว 30 เมตร สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 48 ตัน สร้างความดีอกดีใจให้แก่ชาวบ้าน 2 หมู่บ้าน 832 ครัวเรือน 2,614 คนอย่างมาก หลังทราบข่าวจึงได้รวบรวมผลไม้ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์ และทุเรียนพื้นถิ่น มามอบให้กับนายสำราญ นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน ปภ.เขต 12 รวมถึงนายซูปียัน นายอำเภอจะแนะ ก็ได้ถือโอกาสมอบกระเช้า เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจที่เสียสละ เพื่อความผาสุกของชาวบ้าน จะได้สัญจรไปมา โดยเฉพาะการนำผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ทุเรียน และยางพารา ออกไปจำหน่ายยังท้องตลาดได้ตามปกติอีกครั้ง
ด้านสถานการณ์เกี่ยวกับสภาวะฝนตกที่ยังคงแพร่กระจายปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส ล่าสุดยังคงมีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ ไม่หนักมากนัก และมีแนวโน้มที่ฝนจะตกต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 16 พ.ย.65 จากผลพวงของอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำที่พัดปกคลุมประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่าง