
25 ตุลาคม 2568 ยังคงมีกิจกรรมรำลึกเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมตากใบ แม้เวลาจะล่วงผ่านมากว่า 2 ทศวรรษ หรือ 21 ปีแล้วก็ตาม
จะว่าไปหลังผ่านสิบปีของเหตุการณ์ และมีการเยียวยาครั้งใหญ่ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในยุคที่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ความเข้มข้นของการรำลึกถึงเหตุการณ์ตากใบ รวมถึงการสร้างสถานการณ์ต่างๆ เพื่อตอกย้ำประวัติศาสตร์บาดแผล ก็เจือจางลงไป
ทว่ากระแสกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อมีการปล่อยให้คดีตากใบ “ขาดอายุความ” โดยที่ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งระดับสูงและระดับปฏิบัติ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลได้เลย
ซ้ำร้าย จำเลยที่ 1 ในคดี ยังเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็น สส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในห้วงเวลาที่คดีตากใบใกล้จะขาดอายุความ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวาง ถึงขั้นเรียกร้องให้คดีตากใบ “ไม่มีอายุความ”

ที่สำคัญ โศกนาฏกรรมนี้ได้กลับมาหลอกหลอนฝ่ายความมั่นคงไทยอีกครั้ง ส่งผลให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ทั้งในและนอกพื้นที่ชายแดนให้ให้ความสนใจ เหมือนมีเหตุการณ์ตากใบเกิดซ้ำอีกครั้ง
เนื่องในวาระครบรอบ 21 ปี “เหตุการณ์ตากใบ” (25 ตุลาคม 2547 – 25 ตุลาคม 2568) ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญที่ส่งผลให้ประชาชนผู้ชุมนุมต้องเสียชีวิตถึง 85 ราย องค์กรภาคประชาสังคมและขบวนการนักศึกษาได้ผนึกกำลังออกแถลงการณ์ร่วมกันอย่างดุเดือด เพื่อประณาม “วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด” และเรียกร้องให้รัฐไทย “รื้อฟื้นคดี” โดยยืนยันว่าอาชญากรรมโดยรัฐต้องไม่มีอายุความ
กลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว คือ สมัชชาประชาสังคมเพื่อสันติภาพ (Civil Society Assembly for Peace: CAP) ได้ออกแถลงการณ์ภายใต้หัวข้อ “21 Tahun Takbai Marwah dirampas, Keadilan belum Jelas” หรือ “21 ปีตากใบ ศักดิ์ศรีถูกปล้น ความยุติธรรมยังไม่ชัดเจน” โดยระบุว่า “การรำลึกเหตุการณ์ตากใบในวันนี้ยืนยันว่าไม่ใช่เพียงครอบครัวผู้สูญเสีย 85 ครอบครัวเท่านั้นที่จดจำ แต่ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ทั้งหมดต่างให้ความสำคัญ เพราะเราไม่อยากให้ตากใบเป็นเพียงกิจกรรมรำลึกปีละครั้ง แต่ต้องเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลงในสังคม”

CAP ชี้ว่าเหตุการณ์ตากใบสะท้อนถึงความบกพร่องในระบบกฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยถือเป็น “ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เดือนตุลา” เช่นเดียวกับเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519
ข้อเรียกร้องสำคัญ 5 ประการจาก CAP ยืนยันว่าอาชญากรรมโดยรัฐต้องไม่มีอายุความ และควรนำหลักสิทธิมนุษยชนสากลมาปรับใช้ จัดตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริงอย่างเป็นอิสระ เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน, รับรองสิทธิของผู้สูญเสีย ในการเรียกร้องความยุติธรรมและได้รับการเยียวยาอย่างมีศักดิ์ศรี และปฏิรูปการใช้กฎหมายพิเศษและมาตรการความมั่นคงที่เปิดช่องให้เกิดการละเมิดสิทธิประชาชน
CAP ย้ำปิดท้ายว่า การเรียกร้องความยุติธรรมนี้เป็นภารกิจร่วมของสังคมไทยทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยเน้นว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้สูญเสียต้องไม่ถูกลืมในความเงียบ”

ในวันเดียวกัน ขบวนเคลื่อนไหวนิสิตนักศึกษาปาตานี (Students Movement) ได้ออกแถลงการณ์ร่วมอย่างเป็นทางการเช่นกัน เพื่อทวงถามความยุติธรรมที่ถูกทอดทิ้ง หลังคดีดังกล่าวถูกระบุว่าได้ “หมดอายุความ” ไปแล้วเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567
แถลงการณ์ระบุถ้อยคำที่หนักแน่นว่า “คดีตากใบไม่ควรมีอายุความ เพราะศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่มีวันหมดอายุ” พร้อมระบุว่า 20 ปีที่ผ่านมาคือ “วัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด” ที่ซ้ำเติมบาดแผลประชาชน
ขบวนเคลื่อนไหวฯ เรียกร้องให้รัฐไทย “รื้อฟื้นคดีตากใบ” ทันที โดยระบุว่า โศกนาฏกรรมนี้เป็น “อาชญากรรมโดยรัฐ” ที่ต้องไม่นับอายุความ
ข้อเรียกร้อง 4 ประการจาก Students Movement คือ
- ปฏิรูประบบบริหารจัดการพื้นที่ โดยเคารพสิทธิมนุษยชน วัฒนธรรม และอัตลักษณ์
- รื้อฟื้นคดีตากใบอย่างเป็นทางการ
- จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เป็นอิสระ
- ปฏิรูปโครงสร้างกระบวนการยุติธรรม และยุติวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดอย่างเด็ดขาด
ยืนยันว่าโศกนาฏกรรมตากใบเป็น “อาชญากรรมโดยรัฐ” และต้องไม่นับอายุความ
แถลงการณ์ส่งสัญญาณเตือนอย่างหนักแน่นว่า หากรัฐยังคงเพิกเฉย นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับให้ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ถูกเหยียบย่ำโดยไม่ต้องรับโทษ” และพวกตนจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรมกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยอีกต่อไป
