มีความเคลื่อนไหวของ 2 พรรคการเมืองในช่วงก่อนเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของปี 64 ที่เป็นการแสดงบทบาทในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยเป็น 2 พรรคการเมืองที่ไม่ได้ส่งผู้สมัครสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา ที่เป็นสนามประลองกำลังของพรรคการเมืองที่ต้องการขยายฐานเสียงในภาคใต้ตอนล่าง
หนึ่ง คือ พรรคไทยสร้างไทย
สอง คือ พรรคประชาชาติ
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 25-26 ธ.ค.64 พรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่หาดใหญ่ คุณหญิงหน่อยลงพื้นที่พบปะประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดกิมหยง ศูนย์กลางเศรษฐกิจเก่าแก่ของเมือง
โอกาสนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังได้เปิดตัว ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพด้าน Government Tech รายแรกของไทย (iTAX) เป็นผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย
งานนี้ คุณหญิงหน่อย โชว์ไฮเทค ด้วยการแถลงผ่านระบบ Metaverse จากหาดใหญ่ พูดคุยกับผู้สื่อข่าว ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย ที่กรุงเทพฯ
@@ ชู Metaverse - Blockchain เปิดพื้นที่ประชาชน
กิจกรรมลงพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง เป็นการออกพบปะพี่น้องประชาชนแบบค่ำไหนนอนนั่น ใน “คาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด” ที่เรียกว่ากิจกรรม “On Ground” ซึ่งจะร่วมกับ “On Space” คือการใช้เทคโนโลยีให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรค ซึ่งเป็นพรรคการเมืองแรกของประเทศไทยที่ใช้ Political Tech เพื่อให้เสียงของประชาชนมีความสำคัญ ไม่เฉพาะในวันกาบัตรเลือกตั้งเท่านั้น แต่จะมีความสำคัญทุกวัน เพราะทุกเสียงของประชาชนจะถูกนำมาสร้างนโยบาย และเมื่อพรรคไทยสร้างไทยได้รับเลือกตั้ง ได้ ส.ส.ในสภา โดยเฉพาะในวาระสำคัญจะมีการนำเทคโนโลยีนี้มาให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย โดยมอบให้ ดร.ธรรม์ธีร์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลฯ
ดร.ธรรม์ธีร์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า สามารถกระจายอำนาจสู่มือประชาชนด้วยเทคโนโลยี Blockchain และสามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานราชการ เช่น การให้ประชาชนเป็นผู้ตั้งตัวชี้วัด (KPI) ของข้าราชการกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) หรือการลดความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการติดตามและตรวจสอบการทำงานและการใช้งบประมาณของรัฐ เพื่อสร้างให้หน่วยงานรัฐมุ่งทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงและโปร่งใส โดยทางพรรคจะนำเทคโนโลยี Metaverse เพื่อใช้ทดสอบและนำร่องกระบวนการนี้ด้วย
@@ จับมือ Patani Baru เปิดศูนย์ประสานงานปัตตานี
ที่ จ.ปัตตานี คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมด้วย นายโภคิน พลกุล และแกนนำพรรค ร่วมกับ นายอาลีฟ มาแฮ รักษาการประธานกลุ่ม Patani Baru และ นายสูไฮมี ดุลลาสะ เลขาธิการกลุ่ม Patani Baru เปิดศูนย์ประสานงานจังหวัดปัตตานี ที่ศูนย์วิสาหกิจชุมชนพ่อมิ่ง ใกล้กับโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม (ปอเนาะพ่อมิ่ง) ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และเตรียมพัฒนาเป็นสาขาพรรคไทยสร้างไทยประจำจังหวัดต่อไป
คุณหญิงสุดารัตน์ ประกาศว่า พรรคไทยสร้างไทยมุ่งเน้นการแสวงหาสันติภาพ และต้องเป็น "สันติภาพที่กินได้" ให้กับพี่น้องชาวใต้ทุกคน หลักการสำคัญของพรรคไทยสร้างไทย คือยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มุ่งแก้ความเหลื่อมล้ำ สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดน มุ่งแก้ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ของประเทศ
พรรคไทยสร้างไทยจะสู้เพื่อคนตัวเล็ก เพื่อความเป็นธรรม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อโอกาสและอนาคตที่ดี และดีใจที่หลักการสำคัญของพรรคไทยสร้างไทยตรงกับหลักการของพี่น้องในจังหวัดปัตตานี ที่มุ่งแสวงหาความร่วมมือด้านสันติภาพเช่นกัน และเลือกที่จะใช้การแสวงหาสันติภาพผ่านระบบรัฐสภาที่พี่น้องได้ร่วมกันเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย และในอนาคตจะเข้าไปเป็นปากเสียงเพื่อสร้างความสุข ความเจริญ
กิจกรรมเปิดตัวศูนย์ประสานงานพรรคไทยสร้างไทย ยังมีการเปิดรับฟังข้อเสนอแนะจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ เช่น สหภาพไรเดอร์, ผู้ประกอบการค้าชายแดนใต้, แม่ค้าออนไลน์, กลุ่มลุ่มน้ำสายบุรี เป็นต้น เพื่อสะท้อนปัญหาและความต้องการ รวมถึงนำไปสู่การออกแบบนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย
สาระสำคัญเชิงนโยบายคือ การส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร, การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน, การลดต้นทุนขนส่งสินค้า, การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน และการสกัดการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี
@@ 4 กองทุนเติมพลังคนตัวเล็ก - บำนาญ 3 พัน
คุณหญิงสุดารัตน์ ขยายความนโยบาย “เติมเพิ่มพลังให้กับประชาชนคนตัวเล็ก” ว่า จะมีการเติมทุนให้ประชาชนผ่าน 4 กองทุนประกอบด้วย
1.กองทุน SMEs เพื่อให้ SMEs โดยเฉพาะ Micro SMEs ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำได้
2.กองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกษตรกรและลูกหลานได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนมาต่อยอดกิจการสร้างรายได้จากที่ดินทำกิน จากภูมิปัญญาของตัวเอง เพื่อให้ลูกหลานกลับมาทำงานในบ้านเกิด รวมถึงยังมีจุดแข็งด้านภาษาซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจที่สามารถต่อยอดสร้างโอกาสสร้างความเข้มแข็ง ขณะเดียวกันยังมีวัฒนธรรมที่ถือเป็นจุดแข็ง
3.กองทุนคนตัวเล็ก จะเป็นแหล่งสร้างทุนให้คนตัวเล็กแทนการกู้หนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยโหดร้อยละ 20 ต่อเดือน เหลือเพียงร้อยละ 4-5 ต่อปี สามารถกู้ได้ตลอดชีวิต เพียงต้องรักษาวินัยการผ่อนชำระ
4.กองทุนสตาร์ทอัพ เพื่อให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสตั้งตัวเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยความรู้ความสามารถที่ตนเองเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา เปิดโอกาสให้เกษตรกรและลูกหลานเกษตรกรได้มีทุนทำธุรกิจบนพื้นที่และภูมิปัญญาของตัวเอง
ขณะเดียวกันพรรคไทยสร้างไทย ตั้งใจดูแลผู้สูงอายุ ด้วยนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ มุ่งดูแลสุขภาพผู้สูงอายุให้แข็งแรง มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมไทย และจะเป็นการลดภาระ ลดความกังวลของลูกหลาน ทำให้มีเงินตั้งตัวได้ไวขึ้น โดยไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุในครอบครัว
@@ “โภคิน” นำทีมลุยแก้ปัญหาประมง 7 หมื่นลำ
อีกด้านหนึ่ง นายโภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ นำทีมพรรคไทยสร้างไทยรับฟังปัญหาของกลุ่มชาวประมงและกลุ่มต่างๆ ที่ชายหาดนราทัศน์ จ.นราธิวาส ระหว่างทัวร์คาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา
นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ และนางตัสนีม เจ๊ะตู กรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศในภาคใต้ เป็นแกนนำประชาชนในพื้นที่ เข้าหารือเรื่องกฎหมายที่ไม่ยุติธรรมต่อเรือเล็ก ซึ่งเป็นเรือประมงพื้นบ้านรวมทั้ง 2 ชายฝั่งทะเลกว่า 70,000 ลำ ไม่สามารถยื่นคำขอใช้เครื่องมืออวนลากเพื่อจับกุ้งในช่วงมรสุม 3 เดือนได้ เพราะไม่ใช่เรือประมงพาณิชย์ จึงขอเรียกร้องให้แก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อช่วยให้ประชาชนคนตัวเล็กที่ยากจนให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ นอกจากนี้ น้ำมันยังมีราคาสูง เพิ่มความยากลำบากและต้นทุนเข้าไปอีก
นายโภคิน กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยจะประสานเสนอร่างพระราชกำหนดเพื่อแขวนบางมาตราในกฎหมายให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้อย่างเร่งด่วนก่อน ระหว่างรอการแก้ไขกฎหมายประมงในสภาต่อไป ปัญหานี้สะท้อนถึงระบบอำนาจนิยมที่ไม่ตอบสนองว่าประชาชนเป็นศูนย์กลาง และแนวคิดดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาคล้ายกันในแทบทุกภาคส่วน ทำให้คนตัวเล็กถูกกดทับทั้งจากกฎหมายและความคิดของเจ้าหน้าที่ที่ล้าหลังจนยากจะทำมาหากินโดยสะดวกได้
@@ ประชาชาติเปิดวงหลังรามฯ ฟังความเห็นคนรุ่นใหม่
ส่วนพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค ลงพื้นที่พบปะกลุ่มนักศึกษา ประชาชนกว่า 50 คนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ศึกษาหรือทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยนัดพบที่ร้าน Hela Cafe ซอยรามคำแหง 53/1 ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ เพื่อเยี่ยมเยือนและรับทราบปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องจากชายแดนใต้ พร้อมทั้งได้มอบเสื้อแจ็คเก็ตพรรคประชาชาติเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย
นักศึกษาส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมพูดคุย บอกว่า หมดหวังกับรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา และปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ และได้เสนอมุมมองต่อ พ.ต.อ.ทวี หลายเรื่อง หลายประเด็น เพื่อให้นำไปสะท้อนในสภาผู้แทนราษฎร หรือร่วมกำหนดเป็นนโยบายของพรรคประชาชาติต่อไป โดยข้อเสนอที่น่าสนใจก็เช่น
- รัฐบาลปลดล็อกกฎหมายให้กัญชาและพืชกระท่อมสามารถหาซื้อและรับประทานได้ง่ายนั้น ส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาดในรูปแบบของยาเสพติดในหมู่บ้านและวิถีชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากพฤติกรรมจริงของผู้คนในสังคม ไม่ได้นำพืชดังกล่าวมาใช้เป็นยารักษาโรค แต่มักไปบริโภคในลักษณะของการผสมให้มึนเมามากกว่า จึงส่งผลกระทบต่อนักศึกษาอย่างมาก
- มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ความไม่สงบ จึงเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการพูดคุยนำไปสู่การแก้ปัญหา และทราบถึงผลการพูดคุยระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนไม่รับรู้ความคืบหน้าหรือรายละเอียดของการเจรจาเลย ทั้งที่ประชาชนคือผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
- การปฏิรูปการศึกษาต้องมาจากผู้เรียนเป็นผู้กำหนดนโยบาย และให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ให้กระทรวงเป็นผู้กำหนดหรือบังคับผู้เรียนเสมือนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
- การศึกษายังมีความเหลื่อมล้ำ คนยากจนยังไม่เข้าถึงการศึกษา แม้จะมีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.แล้ว แต่กลับยิ่งสร้างความเหลื่อมล้ำ เช่น เมื่อกู้เงิน กยศ. หลังเรียนจบกลายเป็นผู้ติดหนี้ ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินชำระหนี้ ถูกรัฐยึดทรัพย์สิน เป็นต้น
- เป็นห่วงปัญหาการปลุกปั่นสร้างความขัดแย้งและความแตกแยกทางชาติพันธุ์และศาสนาของคนบางกลุ่ม ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระดับชาติได้ในอนาคต
@@ “เลือกตั้งใหม่” ของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้รับฟังเสียงของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เพราะสะท้อนปัญหาที่เป็นประโยชน์มาก และทำให้ทราบว่าของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้มากที่สุด คือการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศ
พ.ต.อ.ทวี ยังเล่าถึงการทำหน้าที่ของ ส.ส.พรรคประชาชาติในสภา ทั้งตรวจสอบรัฐบาล และเสนอร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหายฯ ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญที่จะคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนไทยทั้งประเทศ ส่งผลดีในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้, ร่าง พ.ร.บ.กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.), ร่าง พ.ร.บ.บำนาญผู้สูงอายุ ที่เป็นหลักสวัสดิการถ้วนหน้า
“ทั้งหมดนี้เป็นร่างกฎหมายที่พรรคประชาชาติได้เสนอไป แม้นายกรัฐมนตรีจะตีความว่าเป็นร่างกฎหมายการเงิน ไม่ผ่านให้ และไปร่างเป็นกฎหมายของรัฐบาลขึ้นแทนก็ตาม โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.กยศ. ซึ่งร่างของพรรคประชาชาติเสนอให้เงินกู้เพื่อการศึกษาไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีเบี้ยปรับ และมีข้อเสนอที่สอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนด้านการศึกษาของสหประชาชาติ แต่น่าเศร้าใจที่รัฐบาลไม่เห็นความสำคัญ ไม่เห็นด้วยกับร่างที่เสนอไป แต่ไปยกร่างขึ้นมาใหม่แทน” เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว