กองทัพบก แจงจัดซื้อยานเกราะล้อยาง 4.5 พันล้านบาท ได้รถมากกว่า 100 คัน เผยปี 2563 ใช้แค่ 900 ล้านบาท แต่ปรับลดตามนโยบายรัฐบาลเหลือ 450 ล้านบาท ย้ำยกเลิกโครงการไม่ได้ เพราะจัดซื้อแบบผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงชี้แจงกรณีที่กองทัพเผยแพร่แผนการจัดซื้อยานเกราะล้อยาง พร้อมระบบอาวุธ จำนวน 50 คัน วงเงิน 4.5 พันล้านบาท ในขณะที่ประเทศกำลังประสบปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนักได้นำเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา (วิจารณ์ขรม! ทบ. ลุยจัดซื้อยานเกราะล้อยาง 50 คัน 4.5 พันล.ช่วงไทยมีปัญหาโรคโควิด-19)
พ.อ.วินธัย ยืนยันว่า โครงการนี้เป็นการจัดซื้อด้วยวิธีการ Foreign Military Sales (FMS) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือระหว่างกองทัพบกไทยและกองทัพบกสหรัฐอเมริกา โดยได้รับอนุมัติงบประมาณ รวมทั้งสิ้น 4,515 ล้านบาท ซึ่งจะได้จำนวนยานเกราะล้อยางมากกว่า 100 คัน ซึ่งไม่ได้แค่ 50 คันตามที่มีสื่อได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยโครงการนี้เป็นการใช้งบแบบผูกพันข้ามปีระหว่างปีงบประมาณ 2563-2565 ทั้งนี้ เนื่องจากกองทัพบกของทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การใช้งบประมาณดังกล่าวจึงไม่ได้มาแค่ตัวรถ แต่ยังรวมถึงเรื่องอื่นๆ เช่น จัดครูฝึกอบรมมาให้, การซ่อมบำรุง รวมถึงการก่อสร้างอาคารโรงซ่อมทีได้มาตรฐานสูง
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การจัดซื้อยานเกราะล้อยางเป็นการจัดซื้อกลุ่มโครงการที่ต้องมีการผูกพันงบประมาณ จึงไม่สามารถยกเลิกโครงการได้ แต่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะมีการเบิกจ่ายเพียง 900 ล้านบาท และได้มีการปรับลดเหลือ 450 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการปรับลดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งได้มีการปรับลดรวมกันได้ 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งกองทัพบก ได้ปรับลดงบประมาณเช่นกัน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ทั้งรถถัง ปืนใหญ่ หรือเรดาร์ ถูกตัดงบประมาณลงทั้งหมด ส่วนโครงการขนาดกลางลงมา ได้มีการชะลอการจัดซื้ออกไปแล้ว 26 โครงการ
“ตัวเลข 1.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกระทรวงอื่นๆ ตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม ถ้าโครงการยังไม่ได้ผูกพันงบประมาณเอาไว้เราตัดออกไปทั้งหมด ส่วนโครงการที่มีผูกพันงบประมาณไปแล้ว ก็ได้มีการปรับลดงบประมาณลงเช่นกัน” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตลอดทั้งวันนี้ เราพบว่ามีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่แตกต่างจากที่เราได้แถลงข่าวออกไป จึงอยากย้ำว่า กระทวงกลาโหมได้ปรับลดงบประมาณลงกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นกระทรวงที่โอนงบประมาณคืนได้มากเป็นอันดับต้นๆ โดยในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 50 เป็นสัดส่วนของกองทัพบกที่ได้ปรับลดงบประมาณลง
“เราไม่อยากให้สังคมมองแค่ตัวเลขอย่างเดียว ที่ผ่านมามีการนำข้อมูลที่ยังไม่ตกผลึกหรือข้อมูลบางส่วนไปปั่นกระแสกัน ทำให้คนเข้าใจคลาดเคลื่อน ในโซเชียลมีเดียแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายไม่ได้อยู่บนข้อเท็จจริง อยากขอความเป็นธรรมให้กับกองทัพบก ที่ได้ตั้งอกตั้งใจโอนงบประมาณในส่วนที่เราพอจะดูแลได้กลับไปดูแลประชาชนให้ได้มากที่สุด” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า กองทัพบกเข้าใจความรู้สึกประชาชนที่สะท้อนผ่านสื่อมวลชน แต่อยากเรียนให้ทราบเป็นที่ประจักษ์ว่า กองทัพบกถือเป็นหน่วยงานอันดับต้นๆ ที่ออกมาดำเนินการป้องกันและดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งนำกำลังทหารเข้าช่วยเหลือประชาชน สนับสนุนการทำงานของภาครัฐ นำกำลังออกพ่นล้างสิ่งปนเปื้อน พ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ กทม. และกำลังขยายผลออกไปสู่การป้องกันในจังหวัดต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจว่าภาครัฐจะป้องกันดูแลสถานการณ์ครั้งนี้อย่างดีที่สุด
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage