การแถลงข่าวของสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 เมื่อวันจันทร์ที่ 28 ต.ค.67 ถือว่าสั่นสะเทือนแวดวงข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้พอสมควร
เพราะมีการแถลงชี้มูลความผิด นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา อดีตนายอำเภอหนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา
ข้อหาถือว่าฉกรรจ์ คือ กรณีสั่งการให้อาสารักษาดินแดน (อส.) ใช้รถยนต์ราชการบรรทุกวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างบ้านส่วนตัว พร้อมทั้งใช้เจ้าหน้าที่ อส.บางส่วนไปทำการก่อสร้างบ้านส่วนตัวโดยมิชอบ
โดยสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 ระบุว่า การกระทำของ นายเอก ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172
และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 85 (1)
นายเอก นับเป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง สังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่รับราชการและดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด
เป็นอดีตนายอำเภอหนองจิกเมื่อปี 2561 จากนั้นย้ายไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
แต่ช่วงเวลาที่ทำให้ชื่อของ นายอำเภอเอก ได้รับความสนใจ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คือช่วงปี 2564 ที่ย้ายไปดำรงตำแหน่งนายอำเภอเบตง จ.ยะลาและสร้างผลงานผ่านสื่อ เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง
ที่สำคัญการดำรงตำแหน่งนายอำเภอเบตง อยู่ยาวถึง 3 ปี เมืองเบตงเป็นเมืองที่มีสีสัน มีกิจกรรมมาก ข่าวสารจึงมากตามไปด้วย และยังเป็นยุคที่เมืองเบตงกำลังก่อสร้างและเปิดสนามบิน คือ ท่าอากาศยานเบตง ถึงขั้นที่นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำประเทศในขณะนั้น เดินทางลงพื้นที่ด้วยเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เมื่อ 14 มี.ค.2565
กระแสการทำงานของนายเอกยิ่งมากขึ้น เมื่อย้ายเข้าดำรงตำแหน่งนายอำเภอหาดใหญ่ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เริ่มงานวันที่ 27 ม.ค.2567 ก็สร้างผลงานทันที โดยเฉพาะการนำทีมบุกทลายโกดังน้ำกระท่อมรายใหญ่ในพื้นที่รับผิดชอบ
หาดใหญ่ถือเป็นอำเภอใหญ่ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด ได้รับการยอมรับว่าเป็น “เมืองหลวง” ของภาคใต้ตอนล่างเลยทีเดียว เป็นทั้งเมืองท่องเที่ยว เมืองการศึกษา และจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นชุมทางรถไฟก่อนเข้าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
หลังมีข่าวร้ายจาก ป.ป.ช. ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไปหานายเอก เพื่อให้ชี้แจงกรณีที่ป.ป.ช.ภาค 9 มีมติชี้มูลความผิด
แต่ได้รับเพียงคำตอบว่า “ไม่สะดวก กำลังประชุม” จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย
อย่างไรก็ตาม การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด