"...ด้วยการเดินเกมเข้มของ ‘ค่ายน้ำเงิน’ จึงคาดว่า 30 สว.อิสระ เหล่านี้ น่าจะไม่มีพลังเพียงพอจะเบียดแย่งเก้าอี้ประธานวุฒิสภา หรือแม้แต่ 2 รองประธานฯมาได้ ดังนั้นกลเกมต่อไปคือ การส่ง 30 สว.ดังกล่าว เข้าไปนั่งในกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่าง ๆ ของ สว.ชุดใหม่ เพื่อ ‘นำสืบข้อมูล’ เปิดช่องลดอำนาจ-ดิสเครดิต สว.ชุดนี้ลงไปก่อน แล้วค่อยไปว่ากันในการเลือก สว.ครั้งหน้า..."
เตรียมเริ่มนับหนึ่งอย่างเป็นทางการ!
สำหรับการทำหน้าที่ของ ‘สว.ชุดใหม่’ โดยสำนักเลขาธิการวุฒิสภานัด 15 ก.ค.นี้ เพื่อเปิดประชุม ‘สภาฯสูง’ โดยมีวาระสำคัญในวันดังกล่าว คือ การโหวตเลือก ‘ประมุขสภาฯสูง’ ซึ่งแคนดิเดตที่ถูกปล่อยออกมาตอนนี้เป็นบุคคลที่มี ‘คอนเนกชั่น’ จาก ‘ค่ายน้ำเงิน’ ทั้งคู่
เริ่มจากคนแรก ที่ให้สัมภาษณ์คอนเฟิร์มเลย ว่า “ที่ท่านว่าผมเป็น สว.สายสีน้ำเงิน ผมสายสีน้ำเงินเข้ม” ก่อนขยายความต่อว่าหมายถึง “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ เทิดทูนด้วยชีวิต” นั่นคือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว. กลุ่มบริหารราชการแผ่นดิน อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ.และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เขาเรียนจนเตรียมทหารรุ่นที่ 22 ตท.22) และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 33 (จปร.33) รุ่นเดียวกับ ‘บิ๊กบี้’ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ.
ที่สำคัญคือ ‘พล.อ.เกรียงไกร’ คือ เพื่อนรักกับ ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากทั้งคู่เรียนหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 (วปอ.61) มาด้วยกัน
พล.อ.เกรียงไกร ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ยืนยันเช่นกันว่า เป็นเพื่อนสนิทของ ‘เสี่ยหนู’ ตั้งแต่สมัยเรียน วปอ.
@ อนุทิน ชาญวีรกูล
“จะเห็นได้ว่าตอนที่ผมประสบอุบัติเหตุ ท่านอนุทินก็รีบลงไปดูแลเรื่องของการดำเนินการทางการแพทย์ ตอนนั้นผมเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่ เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กตกที่จังหวัดสงขลา” พล.อ.เกรียงไกร ระบุ
@ มงคล สุระสัจจะ
อีกรายหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็น ‘สายตรง’ ของ ‘บ้านใหญ่อีสานใต้’ คือ ‘มงคล สุระสัจจะ’ อดีตอธิบดีกรมการปกครอง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
อย่างไรก็ดี เขาปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ ระบุว่า “ผมไปไหนมาไหนไม่สะดวกเลย ไม่ได้คิดอะไร ผมไม่ชอบแบบนี้”
แม้สื่อจะพยายามซักไซ้ไล่เรียง แต่เขาก็ตอบแบบเดิมว่า ตัวเองยังใหม่มาก เป็น สว.ครั้งแรกในชีวิต คงยังพูดอะไรไม่ได้ ไม่ได้คิด ไม่ได้ฝัน เรื่องนี้ยังคิดอะไรไม่ได้
โดย 1 ใน 2 คนนี้มีชื่อถูกเสนอชิงเก้าอี้ ‘ประมุขสภาฯสูง’ ดังนั้นถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้เป็น อีกคนก็อาจจะถูกเสนอชื่อเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 แทบจะทันที
ส่วนเก้าอี้รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 นั้น ว่ากันว่าจ่อเสนอชื่อ ‘บุญส่ง น้อยโสภณ’ อดีต กกต. โดยในช่วงที่ผ่านมาเป็นที่ปรึกษา ‘ศุภชัย สมเจริญ’ อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 จึงมีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว ดังนั้นจึงคาดกันว่าจะถูกเสนอชื่อคั่วรองประธานวุฒิสภาเช่นกัน
หากผลออกมาตามนี้ เท่ากับว่า 3 เก้าอี้ทั้ง ประธานวุฒิสภา และ 2 รองประธานฯ จะมาจาก ‘ค่ายน้ำเงิน’ ทั้งหมด เรียกได้ว่า ‘บ้านใหญ่อีสานใต้’ คุมเบ็ดเสร็จในสภาฯสูง สร้างแรงต่อรองทางการเมืองได้อย่างเด็ดขาด รักษาตำแหน่งแห่งที่ในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีจำนวน สส.มากเป็นลำดับ 2 ได้ค่อนข้างชัวร์
ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ เกิด ‘สงครามเย็น’ ระหว่าง ‘ค่ายสีแดง’ กับ ‘ค่ายน้ำเงิน’ มาแล้วในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 2566 ทว่าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเมื่อ ‘ก้าวไกล’ คว้าชัยชนะท่วมท้นกวาด สส.เข้าสภาฯกว่า 151 คน ทำให้ ‘เพื่อไทย’ ต้องทบทวนบทเรียน และยอม ‘ตระบัดสัตย์’ จัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมแทน
แม้ว่า ‘นายใหญ่’ ยังคงมีความโกรธเคือง ‘บ้านใหญ่อีสานใต้’ ที่เคยหล่นวาทกรรมเจ็บแสบเอาไว้ แต่เพื่อรักษาอำนาจ จึงต้องให้มาร่วมรัฐบาลก่อน แต่ยังมีความพยาบาทเอาไว้ สกัดสารพัดนโยบายของ ‘ค่ายน้ำเงิน’ โดยเฉพาะการชงให้ ‘กัญชา’ กลับเข้าไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง สร้างความบาดหมางแก่ ‘ค่ายน้ำเงิน’ อย่างมาก
ดังนั้น เมื่อสบช่อง ในการเลือก สว.ครั้งนี้ ‘ค่ายน้ำเงิน’ จึงเดินกลยุทธชั้นเซียน จนส่งกลุ่มคนเข้าไปนั่งเก้าอี้ในสภาฯสูงได้กว่า 150 คน สร้าง ‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ แก่ ‘นายใหญ่ค่ายแดง’ อย่างมาก
เพราะตอนแรกที่ดีลกันไว้คือการส่ง ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ อดีตนายกฯ ไปนั่งเก้าอี้ประธานวุฒิสภาแท้ ๆ แต่ดันพ่ายแพ้ยับเยิน ตำแหน่งตัวสำรองก็ยังไม่ติด
กลับมาที่การเลือกประธานวุฒิสภาอีกครั้ง อย่างที่ทราบข้อมูลไปข้างต้นแล้วว่า 3 ตัวเต็งนั่ง ‘ประมุข-รองประมุขสภาฯสูง’ คือคนจากสายสัมพันธ์ ‘ค่ายน้ำเงิน’ แต่ต้องไม่ลืมว่า สว.ชุดนี้ยังมี สว.เสียงอิสระ ที่เข้ามาได้จากแคมเปญของ ‘คณะก้าวหน้า-ไอลอว์’ ที่พยายามผลักดันให้เกิด สว.ภาคประชาชน เข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรื้อสร้างองค์กรอิสระเช่นกัน
โดย สว.ภาคประชาชน ที่ถูกมองว่าเป็น ‘สีส้ม’ นั้น มีจำนวนราว 20-30 คน ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มสื่อมวลชน เปิดเผยว่า มี สว.อิสระ ราว 30 คน ที่เตรียมนัดหารือกันวันที่ 15 ก.ค.นี้ เพื่อส่งคนชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภาแข่งกับ ‘ค่ายน้ำเงิน’
@ นันทนา นันทวโรภาส
‘นันทนา’ ระบุว่า 30 สว.ดังกล่าว เป็นกลุ่มอิสระที่จะร่วมอุดมการณ์กัน และเชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้น กลุ่มนี้จะมีบทบาทต่างจากกลุ่ม 40 สว.ในอดีต เนื่องจาก สว.ปัจจุบันมาด้วยอุดมการณ์และมีวาระที่จะขับเคลื่อนผลักดันวาระของประชาชนร่วมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้าของกลุ่มหรือกดปุ่มสั่งการใด ๆ มีจิตวิญญาณเสรี
แต่ด้วยการเดินเกมเข้มของ ‘ค่ายน้ำเงิน’ จึงคาดว่า 30 สว.อิสระ เหล่านี้ น่าจะไม่มีพลังเพียงพอจะเบียดแย่งเก้าอี้ประธานวุฒิสภา หรือแม้แต่ 2 รองประธานฯมาได้ ดังนั้นกลเกมต่อไปคือ การส่ง 30 สว.ดังกล่าว เข้าไปนั่งในกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่าง ๆ ของ สว.ชุดใหม่ เพื่อ ‘นำสืบข้อมูล’ เปิดช่องลดอำนาจ-ดิสเครดิต สว.ชุดนี้ลงไปก่อน แล้วค่อยไปว่ากันในการเลือก สว.ครั้งหน้า
สอดคล้องไปกับแผนของ ‘ค่ายสีส้ม’ ที่เริ่มเดินเกมปลุกระดม ‘สภาฯเดี่ยว’ ไม่เอาวุฒิสภาอยู่ในระบบนิติบัญญัติของระบอบประชาธิปไตยไทยอีกต่อไป ซึ่งมีทั้ง ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ ‘ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ’ โฆษกพรรคก้าวไกล ที่เริ่มออกมาโยนหินถามทางเรื่องนี้กันแล้ว
ดังนั้นการโหวตเลือกประธานวุฒิสภาในวันที่ 15 ก.ค.เป็นแค่ ‘จุดเริ่มต้น’ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ‘ค่ายสีส้ม’ รอสางแค้นอีก 5 ปีรอจนหมดวาระ สว.ชุดนี้ก็ไม่สาย