เผย 3 รายชื่อ ผู้เปิดบัญชีจ่ายเงินรางวัลยูธลีก กกท.14 ล.- มีอดีตนักบอลทีมชาติด้วย

"...นางเรณุกา ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า หลังการทำเรื่องเงินยืมกกท.ออกมา บุคคล 3 คน ที่นำเงินไปเปิดบัญชี คือ 1.นายสุเมธ อัครพงศ์ 2.นายสมเกียรติ บุญเทียม และ 3.นายเอกฉัตร คลี่ขจาย อย่างไรก็ดี นางเรณุกา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลทั้ง 3 ว่า เท่าที่ทราบก็ยังเห็นแค่นายเอกฉัตรที่ยังคงทำงานอยู่ ที่ กกท...."

sumethhhr

"ในกระบวนการจ่ายเงินรางวัลการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชนดังกล่าว ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย ได้มอบหมายให้ บุคคลที่มีชื่อย่อว่า 'ด.' เป็นผู้ขอยืมเงินจำนวน 14 ล้านบาท จากฝ่ายการคลังของ กกท. เพื่อนำมาใช้จ่ายในกรณีการแข่งขันฟุตบอลทั้ง 4 รุ่น

หลังจากนั้น ฝ่ายการคลัง ได้เบิกเงิน 14 ล้านบาท เป็นเช็คสั่งจ่ายให้กับ คุณ 'ด.' ก่อนที่ คุณ 'ด.' จะนำเงินไปเปิดบัญชีในชื่อของบุคคล 3 คน เพื่อเบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งบุคคลทั้ง 3 นี้ จะต้องนำเอกสารใบเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆ กับมาเคลียร์ที่ คุณ 'ด.' เพื่อนำไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายการคลังอีกครั้ง

"ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือควรจะต้องมีใบเสร็จค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วในเมื่อช่วงเดือน ก.ย. 2562 เพราะมิฉะนั้น ฝ่ายการคลังจะไม่รับเคลียร์ให้ โดยเอกสารที่จะต้องส่งไปให้กับฝ่ายการคลังของ กกท. จะต้องมีความถูกต้องทุกอย่าง ทั้งเงินรางวัล เงินที่จะไปหักภาษี เพราะระเบียบ กกท.ระบุชัดเจนว่าการเสียภาษีจะต้องหัก ณ ที่จ่าย เพราะรัฐจะต้องเอาเงินคืน ดังนั้น ฝ่ายการคลังจะต้องเห็นว่าในวันนั้น (ภายในเดือน ก.ย.) ได้มีการจ่ายเงินรางวัลไปแล้ว ถึงจะรับเคลียร์เอกสารให้ได้"

คือ ข้อมูลล่าสุด ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนรับทราบ ต่อกรณีปัญหาความล่าช้าในการเบิกจ่ายเงินรางวัลการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชน Thailand Youth League U-19 (รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี) ของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)

หลังปรากฎข้อเท็จจริง ว่า การจัดแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ เสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อเดือน ส.ค.2562 แต่ปัจจุบันทีมสโมสรฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ และจะต้องได้รับรางวัลจำนวน 4 ทีม คือ อันดับ 1 สโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้รับเงินรางวัล 1.5 ล้านบาท อันดับ 2 ทีมสโมสรฟุตบอลหนองบัว พิชญ เอฟซี ได้รับเงินรางวัล 7แสนบาท อันดับ 3 สโมสรนครราชสีมา มาสด้า ได้รับเงินรางวัล 4 แสนบาท และอันดับ 4 สโมสรอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด รับเงินรางวัล 2แสนบาท แต่มีเพียงแค่ทีมสโมสรฟุตบอลหนองบัว พิชญ เอฟซี อันดับ 2 ทีมเดียว ที่ได้รับเงินรางวัลจำนวน 7 แสนบาทแล้ว หลังจากทำหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้ ไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค.2563 และได้รับเงินรางวัลเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา

ชี้ให้เห็นว่าระยะเวลาการจ่ายเงินรางวัล ไม่เป็นไปตามหลักปฏิบัติของกกท. อย่างชัดเจน ทั้งที่ เงินรางวัลสำหรับจัดแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชน Thailand Youth League U-19 (รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี) จำนวนเงินรวม 4,583,648 บาท ทาง กกท. ได้ทำเรื่องอนุมัติไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา พร้อมกับเงินรางวัลการแข่งขันฟุตบอลอีก 3 รุ่น คือ .การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่น 13 ปี ระหว่างวันที่ 3-14 ก.ค. 2562 จ.เชียงราย จำนวน 2,918,208 บาท, การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่น 15 ปีระหว่างวันที่ 19-30 มิ.ย. 2562 จ.ภูเก็ต จำนวน 3,538,784 บาท และ การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่น 17 ปีระหว่างวันที่ 16-27 ก.ค. 2562 จ.อุดรธานี จำนวน 3,564,448 บาท

การอนุมัติเบิกจ่ายเงินดังกล่าว ทำในลักษณะสัญญาเงินยืม คิดเป็นเงินทั้ง 4 รุ่น รวมทั้งสิ้น 14,605,088 บาท อนุมัติไปเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2562 และต้องส่งใช้ภายในกำหนด 15 วัน

ขณะที่ เงินรางวัลจำนวน 7 แสนบาท ที่ทีมสโมสรฟุตบอลหนองบัว พิชญ เอฟซี ได้รับมาแล้ว ปรากฎว่าโดนหักเงินไปจำนวน 35,000 บาท แต่ไม่มีใบกำกับภาษีส่งมาถึง

นอกจากนี้ในรายละเอียดของใบโอนเงินถูกโอนมาจากธนาคารกรุงไทย สาขาโรบินสัน ฉะเชิงเทรา โดยจ่ายเงินด้วยวิธีเงินสด จ่ายเมื่อเวลา 17.29 น. ของวันที่ 5 ม.ค. โดยผู้โอนเงินมาให้ คือ นายสมเกียรติ บุญเทียม เจ้าหน้าที่ กกท. ด้วย

และที่น่าสนใจ คือ ไม่มีใครติดต่อ นายสมเกียรติ บุญเทียม ได้มาเดือนเศษแล้ว

(อ่านประกอบ:โวยแข่งเสร็จ 4 ด.ยังไม่ได้เงิน! 'ก้องศักดิ์' เต้นสั่งสอบปัญหาเบิกจ่ายรางวัลฟุตบอลยูธลีก, จับพิรุธจ่ายเงินฟุตบอลยูธลีกช้า ไฉนเคลียร์ภาษีแต่ไร้ใบเสร็จ-ดอกเบี้ยเปิดบัญชีอยู่ไหน?,'บิ๊กป้อม' สั่งล่าเงินรางวัลฟุตบอลยูธลีก "ใครเป็นคนเอาเงินไป"- กกท. ยื้อตั้งกก.สอบ)

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้ติดตามตรวจสอบข้อมูลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินค่าจัดการแข่งขันจำนวน 14,605,088 บาท ดังกล่าว

จนพบว่า นางเรณุกา ปัญญาสาร พนักงานบริหารทั่วไป ปรากฏชื่อเป็นลูกหนี้เงินยืมกกท.ออกมา จากฝ่ายการคลังของ กกท. เพื่อนำมาใช้จ่ายในกรณีการแข่งขันฟุตบอลทั้ง 4 รุ่น ก่อนที่จะมีการนำเงินไปเปิดบัญชีในชื่อของบุคคล 3 คน เพื่อเบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ (ดูเอกสารประกอบ)

yellowpaperr

ขณะที่ นางเรณุกา ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า หลังการทำเรื่องเงินยืมกกท.ออกมา บุคคล 3 คน ที่นำเงินไปเปิดบัญชี คือ 1.นายสุเมธ อัครพงศ์ 2.นายสมเกียรติ บุญเทียม และ 3.นายเอกฉัตร คลี่ขจาย

อย่างไรก็ดี นางเรณุกา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลทั้ง 3 ว่า เท่าที่ทราบก็ยังเห็นแค่นายเอกฉัตรที่ยังคงทำงานอยู่ ที่ กกท.

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เกี่ยวกับข้อมูลรายชื่อ บุคคล ทั้ง 3 รายดังกล่าว เคยติดต่อไปหานายสมเกียรติ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ (อ่านประกอบ:มีเงื่อนงำ! จนท.กกท.ผู้โอนเงินรางวัลยูธลีก ผ่านกรุงไทย ฉะเชิงเทรา หายตัวปริศนาเดือนเศษ?)

ส่วน นายสุเมธ อัครพงศ์ นั้น ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา เคยได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวใน กกท.ว่า นายสุเมธนั้นรู้เห็นในเรื่องการยืมเงินดังกล่าวด้วย แต่ยังไม่ทราบว่านายสุเมธมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านี้อย่างไรบ้าง

เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังนายสุเมธเพื่อขอให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม แต่นายสุเมธ กล่าวว่า ขอเวลารวบรวมเอกสารก่อนแล้วจะพูดคุยกับสำนักข่าวอิศราอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อนายสุเมธได้อีก

เช่นเดียวกับ นายเอกฉัตร ที่ไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน

อนึ่งสำหรับ นายสุเมธ เคยเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยและยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงาน กกท. จังหวัดสงขลา ด้วย (อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพจากเว็บไซต์:https://www.songkhlatoday.com/content/19886/ ลงวันที่ 16 ธ.ค. 2562)