พลิกข้อมูล ‘ภูไพรธารน้ำ’ ลูกชาย-ลูกสาว ‘พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์’ นั่ง กก.-ถือหุ้น นำส่งงบปี 63 ขาดทุน 7 แสนเศษ ปล่อยให้คนอื่นเช่าตั้งแต่ปี 46 ก่อนศาล ปค.สูงสุดพิพากษาชี้คำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกแม่น้ำแควน้อยชอบด้วยกฎหมาย เหตุมีการถมดินจริง 1,500 ตรม.-นำไปทำสวนหย่อม ทางเท้าปูด้วยหิน?
...................................................................................
“เมื่อผู้ฟ้องคดี (พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส) ได้ปลูกต้นไม้ทำเป็นส่วนหย่อม และทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน การกระทำดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ หาได้มีลักษณะเป็นการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามที่ได้รับอนุญาตให้ทิ้งหินกันน้ำเซาะลงในแม่น้ำแต่อย่างใด จึงถือว่าเป็นการกระทำสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในแม่น้ำแควน้อยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า ตามมาตรา 117 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 เจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขากาญจนบุรี ผู้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมเจ้าท่า จึงมีอำนาจตามมาตรา 118 ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยมีคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ฟ้องคดีรื้อถอนสิ่งล่วงล้ำในแม่น้ำแควน้อยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้น การที่เจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขากาญจนบุรี มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีดำเนินการรื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อยออกให้พ้นเสียจากแม่น้ำภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของปลัดกระทรวงคมนาคมที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ประเด็นอื่นของผู้ฟ้องคดีอีก เนื่องจากไม่อาจทำให้คำวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป”
เป็นสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ ‘ยกฟ้อง’ คดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ฟ้องกระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงคมนคม กรมเจ้าท่า อธิบดีกรมเจ้าท่า และเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 สาขากาญจบุรีที่ 6 เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-6 กรณีขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย (อ่านประกอบ : ถมดินจริง! ศาล ปค.สูงสุดยืนคำสั่งกรมเจ้าท่าให้‘เสรีพิศุทธ์’รื้อสิ่งรุกแม่น้ำแควน้อย)
ในคำพิพากษาฉบับเต็ม ระบุตอนหนึ่งว่า ผู้ฟ้องคดี (พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์) ซื้อที่ดิน น.ส.3 ก. มา 2 แปลงจากนายวิสูตร วีระธำรงกุล ต่อมาปี 2549 ได้ขอออกโฉนดที่ดิน และปี 2550 เจ้าพนักงานที่ดิน อ.ทางผาภูมิ ได้ออกโฉนดให้เลขที่ 7783 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ 41 ไร่ 3 งาน 28 ตารางวา ที่ดินดังกล่าวที่ถูกกล่าวหาว่ามีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำแควน้อยนั้น มีแนวที่ดินด้านหนึ่งติดกับแม่น้ำแควน้อย หลังจากนั้นมีการใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวตลอดมา โดยปลูกต้นไม้และพัฒนาเป็นที่พักตากอากาศด้วย (อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม : https://drive.google.com/file/d/14cdT05ByJNFdX6fVgoghsxWqC_OZv_BN/view)
เมื่อปี 2552 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว เคยแถลงข่าวชี้แจงกรณีรีสอร์ทภูไพรธารน้ำ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ถูกกล่าวหาบุกรุกล้ำลำน้ำแควน้อยตอนหนึ่งว่า ได้ปล่อยให้คนอื่นเช่าไปตั้งแต่ปี 2546 คือนายวิรัช เอื้อสุนทรพานิช ทำสัญญาเช่า 3 ปี โดยหลังจากนั้นจะนำที่ดินไปทำอะไรนอกเหนือจากที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำไว้เป็นเรื่องของนายวิรัช (อ้างอิงข่าวจาก คมชัดลึกออนไลน์ : https://www.komchadluek.net/news/crime/27529)
ข้อมูลในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีรับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2562 ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มิได้มีการระบุว่าเป็นเจ้าของกิจการที่พักตากอากาศ
แต่บุตรชาย และบุตรสาวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปัจจุบันมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในรีสอร์ทภูไพรธารน้ำอยู่?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2564 พบว่า บริษัท ภูไพรธารน้ำ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2554 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ตั้งอยู่ที่ 242/5 หมู่ที่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ปรากฏชื่อ น.ส.ทัศนาวัลย์ เตมียาเวส และนายทรรศน์พนธ์ เตมียาเวส เป็นกรรมการ
แจ้งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 นายวิรัช เอื้อสุนทรพานิช ถือหุ้นใหญ่สุด 40% นายทรรศน์พนธ์ เตมียาเวส ถือ 30% และ น.ส.ทัศนาวัลย์ เตมียาเวส ถือ 30%
นำส่งงบการเงินเมื่อปี 2563 มีสินทรัพย์รวม 2,576,429 บาท หนี้สิรวม 2,842,658 บาท ขาดทุนสะสม 1,266,228 บาท มีรายได้รวม 351,958 บาท ต้นทุนการขายบริการ 162,419 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 919,745 บาท ขาดทุนสุทธิ 730,206 บาท
ขณะที่บัญชีทรัพย์สินของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อปี 2562 แจ้งสถานะว่า หย่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 135,476,212 บาท ไม่มีหนี้สิน
แบ่งเป็น เงินฝาก 11 บัญชี 7,803,115 บาท เงินลงทุน 5 รายการ (ได้มาระหว่างปี 2558-2561 ส่วนใหญ่เป็นกองทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และกองทุนธนาคาร) 19,847,747 บาท เงินให้กู้ยืม 3 ราย 37 ล้านบาท ที่ดิน 65 แปลง 49,021,550 บาท รถยนต์ 9 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 18,144,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,760,000 บาท
แจ้งรายได้ต่อปีรวม 3,550,704 บาท เป็นเงินบำนาญเดือนละ 67,332 บาทรวม 807,984 บาท เบี้ยประชุมบริษัท บี จี ทีฯ 1.8 แสนบาท ที่ปรึกษาบริษัท ไคฮวดจั่นโลหะกิจ มีนบุรี จำกัด 4.8 แสนบาท ดอกเบี้ยเงินกู้ 7.2 แสนบาท และเป็นเงินเดือน ส.ส. ประมาณ 1 ล้านบาทเศษ มีรายจ่ายต่อปีรวม 1.2 ล้านบาท เป็นค่าอาหาร น้ำ ไฟฟ้า โทรศัพท์ ค่าน้ำมันรถ งานสังคม และอื่น ๆ ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท
ในส่วนเงินให้กู้ยืมมี 3 ราย ได้แก่ นายนิพันธ์ เทียมหงษ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2562 มูลค่า 6 ล้านบาท นายกฤช ศศิสิริ เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2562 มูลค่า 1 ล้านบาท และนายยุทธพงษ์ พุ่มรินทร์ และบริษัท ดนัยมา จำกัด เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2558 มูลค่า 30 ล้านบาท ที่ดิน 65 แปลงของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีโฉนด น.ส.3 ก จำนวน 4 ฉบับ เลขที่ 5694, 319, 152 และ 153 อยู่ใน จ.มุกดาหารทั้งหมด ยานพาหนะ 2 รายการ ได้แก่ BENZ S350 ได้มาเมื่อปี 2554 มูลค่า 1.5 ล้านบาท ระบุหมายเหตุว่า บริษัท จี.จี.ทรานสปอร์ต จำกัด ให้ยืมใช้ตั้งแต่ปี 2554 นอกจากนี้ยังมีเรือกลเดินทะเล ได้มาเมื่อปี 2560 มูลค่า 9 แสนบาทด้วย
ทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แจ้งครอบครองนาฬิกา 2 เรือน (Patex, Rolex) ได้มาระหว่างปี 2553-2554 รวมมูลค่า 1.5 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 1 องค์ ไม่ทราบราคา มีปืน 5 กระบอก แจ้งสูญหาย 1 กระบอก และงาช้าง 1 คู่ ไม่ทราบราคา
สำหรับอดีตคู่สมรสของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คือ น.ส.พัสวีศิริ เทพชาตรี (สกุลเดิม) โดยเป็นกรรมการบริษัท 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท ยาค้อบอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2528 ทุนปัจจุบัน 10 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจซื้อมา-ขายไปเครื่องแท้-หนังเทียม ปรากฏชื่อ น.ส.พัสวีศิริ เตมียเวส (สกุลเดิม เทพชาตรี) เป็นกรรมการร่วมกับ นายทรรศน์พนธ์ เตมียเวส และ น.ส.ศศิภาพิมพ์ เตมียเวส (2 บุตรชาย-บุตรสาวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และ น.ส.พัสวีศิริ)
บุตรของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และ น.ส.พัสวีศิริ เทพชาตรี (อดีตคู่สมรส) มี 3 ราย ด้วยกัน ได้แก่ น.ส.ศศิภาพิมพ์ เตมียาเวส (กรรมการบริษัท ยาค้อบอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับ น.ส.พัสวีศิริ) นายทรรศน์พนธ์ เตมียาเวส (กรรมการบริษัท ภูไพรธารน้ำ จำกัด, บริษัท ยาค้อบอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท สุขุมวิท อารี 26 จำกัด, บริษัท พัสวีศิริ จำกัด) และ น.ส.ทัศนาวัลย์ เตมียาเวส (กรรมการบริษัท ภูไพรธารน้ำ จำกัด)
ทั้งหมดคือข้อมูลในมุมทรัพย์สิน-ธุรกิจของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และครอบครัว ก่อนศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง พร้อมยืนยันว่าคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกแม่น้ำแควน้อยนั้นชอบด้วยกฎหมาย เพราะปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการว่าจ้างถมดินจริงประมาณ 1,500 ตารางเมตร นำไปทำสวนหย่อม และทางเท้าปูด้วยหินโดยไม่ได้รับอนุญาต
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จาก https://storage.thaipost.net/, ภาพภูไพรธารน้ำรีสอร์ทจาก https://pix10.agoda.net/
อ่านประกอบ :
‘เสรีพิศุทธ์’ปล่อยกู้นักธุรกิจ 30 ล.-เครืออาณาจักรจิวเวอรี่ดังให้ยืมใช้ BENZ
ควันหลงสับ‘บิ๊กตู่’ในสภา! 'เสรีพิศุทธิ์'เคยนั่ง3บอร์ดรัฐวิสาหกิจ-กก.บ.สกุล‘ธรรมวัฒนะ’
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/