'ดีอีเอส' สั่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด 'บ.แอคแคปฯ - ดวงฤทธิ์' ปมปั่นข่าววัคซีนซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส ดิสเครดิตรัฐบาล
--------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียเผยแพร่หนังสือ บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ส่งถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่มีเนื้อหาอ้างว่าบริษัทสามารถจัดหาวัคซีนซีนซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส และสามารถจัดส่งให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถติดต่อเข้าพบนายกรัฐมนตรีได้นั้น ล่าสุด ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม หรือ Anti Fake News Center ตรวจสอบเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า บริษัท แอคแคปฯ ไม่มีชื่อยื่นขึ้นทะเบียนนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์ม รวมทั้งยังจดทะเบียนทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีคุณสมบัตินำเข้ายาและเวชภัณฑ์ และไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้ผลิตวัคซีนซิโนฟาร์มจริง ซึ่งภายหลังปรากฏเป็นข่าว ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ก็ได้ปฏิเสธ พร้อมชี้แจงแล้วว่า ลักษณะของบริษัทไม่น่าเชื่อถือ และไม่มี Dossier หรือ เอกสารประกอบรายการประกอบยา และการผลิตจากบริษัทเจ้าของวัคซีน เพื่อมาใช้ดำเนินการขอใบอนุญาตต่อ อย.แต่อย่างใด ดังนั้นหนังสือฉบับดังกล่าวนั้น จึงเป็นข้อความที่บิดเบือน และทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นการกระทำดังกล่าวที่เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 เช่นเดียวกับผู้ที่นำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่ หรือส่งต่อก็จะเข้าข่ายมีความผิดเช่นกัน
“กระทรวงดีอีเอส กำลังประสานข้อมูลกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรวบรวมหลักฐานแล้ว และดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวกรรมการผู้จัดการผู้ลงนามทั้ง 2 รายในหนังสือมาให้ข้อมูล และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนังสือฉบับดังกล่าว เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป” นายชัยวุฒิ กล่าว
(ข่าวประกอบ : โพรไฟล์ลึก! บ.แอคแคปฯ ผู้อ้างมีวัคซีนโควิดซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส แต่ติดต่อรบ.ไม่ได้)
นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีบุคคลและกลุ่มบุคคลนำไปวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวหาในทำนองว่า รัฐบาลมีการเรียกรับผลประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนและจัดหาวัคซีนโควิด ซึ่งเข้าข่ายการหมิ่นประมาท และเสนอข้อมูลเท็จอย่างชัดเจนเช่นกัน เพราะการขึ้นทะเบียนและนำเข้าวัคซีนมีระเบียบขั้นตอนการดำเนินการตามช่องทางกฎหมายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าพบใครเป็นพิเศษ น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาเกิดความพยายามในการตั้งประเด็นโจมตีการบริหารจัดการวัคซีนโควิดของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น มองได้ว่า มีการวางแผนเป็นขบวนการเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ เห็นได้ชัดจากกรณี บริษัท แอคแคปฯ ที่ผู้เกี่ยวข้องในส่วนของภาครัฐต่างออกมาปฏิเสธไปแล้ว แต่ทราบว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2564 นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก และแกนนำกลุ่มแคร์ คิดเคลื่อนไทย ที่มักร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย นำไปพูดคุยแสดงความคิดเห็นผ่านแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ โดยมีเนื้อหาสาระให้เกิดความสับสนขึ้นในสังคม ตลอดจนสร้างความเสียหายให้แก่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง มีการพูดถึงขั้นว่า มีคนเรียกค่าพาเข้าพบนายกรัฐมนตรีกับบริษัทดังกล่าว เพื่อให้มีช่องทางเจรจานำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยแลกกับเงิน 5 ล้านบาทอีกด้วย และเมื่อต้นเดือน พ.ค.2564 นายดวงฤทธิ์เคยทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์อ้างว่า มีรุ่นน้องที่รู้จักกันพยายามนำวัคซีนซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดสให้รัฐบาล และระบุว่า ประสานไปที่คนของรัฐบาลทุกช่องทางแล้ว มันถามหาผลประโยชน์ตอบแทนกันก่อนหมดเลย” จนมีผู้มารีทวิตหรือเผยแพร่ข้อความต่อจำนวนมาก และยังมีหลักฐานว่า มีความสนิทสนมกับ นายกรกฤษณ์ กิติสิน หนึ่งในผู้บริหารของบริษัท แอคแคปฯ ด้วย หรือเมื่อต้นเดือน ม.ค.2564 ก็ทวีตในทำนองว่า มีคนบางกลุ่มได้สิทธิซื้อวัคซีนโควิดแล้ว ทั้งที่กระบวนการทุกอย่างมีการเปิดเผยโปร่งใสโดยตลอด
“ทั้งการที่บริษัท แอคแคปฯ ถูกเปิดโปงว่า ไม่ใช่ผู้แทนซิโนฟาร์มจริง และการทวีตข้อความในประเด็นเดียวกันล่วงหน้าของคุณดวงฤทธิ์ ทำให้สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า อาจเป็นขบวนการเดียวกันที่ต้องการสร้างความสับสนและดิสเครดิตรัฐบาล เรื่องนี้กระทรวงดีอีเอสได้รวบรวมหลักฐานการเผยแพร่ข้อความในแพลตฟอร์มต่างๆ รวมทั้งการพูดคุยใน แอปฯคลับเฮาส์ล่าสุดไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายทำการสรุปว่า มีผู้กระทำผิดกี่รายอย่างไรบ้าง เพื่อดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนต่อไป” นายชัยวุฒิ กล่าว
นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า การที่มีการออกมาโพสต์ว่ามีการเรียกเงิน 5 ล้านบาท หรือมีการเรียกผลประโยชน์จากการจัดหาวัคซีนโควิดนั้น หากมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ก็เปิดเผยได้อยู่แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเป็นการแอบอ้างหาประโยชน์ ซึ่งไม่สมควรให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังประสบปัญหาการระบาดโควิด แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน เป็นการพูดลอยๆ เพื่อดิสเครดิตนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล เท่ากับเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ภาครัฐจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย คนเหล่านี้มักจะออกมาเรียกร้องว่า เป็นการละเมิดสิทธิ ปิดหูปิดตาประชาชนซึ่งเป็นรูปแบบของขบวนการเฟคนิวส์ และต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม
“เชื่อว่าสังคมพอจะเข้าใจถึงเจตนาของกลุ่มคนดังกล่าว หลายคนก็เป็นกลุ่มคนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล และนิยมชมชอบกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม จุดยืนทางการเมืองของคุณดวงฤทธิ์ก็ชัดเจน พอถูกจับได้ไล่ทัน ก็อ้างว่า ชนตอ มีอันตรายถึงตาย ไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีก ทั้งที่หากไม่มีเจตนาก็ควรออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง เหมือนมีเจตนาให้สังคมสับสนไปเรื่อยๆ ซึ่งกรณีของนายดวงฤทธิ์ ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังรวบรวมหลักฐาน และจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดแน่นอน" นายชัยวุฒิ กล่าว
ข่าวประกอบ :
แพร่ประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ว่าด้วยการบริหารบริการทางการแพทย์ในสถานการณ์โควิด
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แถลงนำเข้า'ซิโนฟาร์ม' เลขาฯแจงจัดหา'วัคซีนตัวเลือก'ในภาวะฉุกเฉิน
'หมอนิธิ'แจง 5 ประเด็น บ.อ้างตัวแทนนำเข้า'ซิโนฟาร์ม'ชี้เป็นไปได้ยาก
คนอื่นทำไม่ได้! อย.ขึ้นทะเบียน 'ซิโนฟาร์ม' ยืนยันผู้นำเข้าคือ บ.ไบโอจีนีเทคฯ
‘ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์’ นำเข้าซิโนฟาร์ม ล็อตแรก 1 ล้านโดส มิ.ย.นี้-ย้ำไม่เน้นกำไร
โพรไฟล์ลึก! บ.แอคแคปฯ ผู้อ้างมีวัคซีนโควิดซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส แต่ติดต่อรบ.ไม่ได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/