"... โครงการนี้มีการปักเสาไฟฟ้าแรงสูงไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีการเดินและร้อยสายไฟแต่อย่างใด มีเพียงการปักเสาไฟเป็นระยะๆ ไม่มีความห่างที่แน่นอน ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือหลังจากบริษัทผู้รับเหมายุติการก่อสร้าง ได้เก็บคืน กฟภ.ไปหมดแล้ว..."
.................................
ประเด็นตรวจสอบกรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ว่า ในช่วงปลายปี 2561 กฟภ.ได้ทำหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญางานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2-สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี วงเงิน 125 ล้านบาท กับ บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ พร้อมแจ้งขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกค่าปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญา และดำเนินการเกี่ยวกับการเป็นผู้ทิ้งงานตามกฎหมาย
แต่หลังจากนั้น กฟภ. ยังคงทำสัญญาว่าจ้างเอกชนรายนี้เข้ามารับงานหลายสัญญา โดยไม่ได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังขึ้นบัญชีดำ (แบล็คลิสต์) ในฐานะผู้รับเหมาทิ้งงาน ตามกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560
ก่อนที่ในวันที่ 13 ธันวาคม 2562 กฟภ. จะทำหนังสือฉบับที่ 2 แจ้งถึงบริษัทฯ ว่าจะไม่ลงโทษบริษัท โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากบริษัทฯ มีเจตนาที่จะปฏิบัติงานตามสัญญาให้แล้วเสร็จ แม้เกิดอุปสรรคในการก่อสร้าง ประกอบกับเมื่อ กฟภ. ขอยกเลิกสัญญาบริษัทฯ ก็มิได้ปฏิเสธความรับผิดชอบและยินยอมชำระค่าปรับให้แก่ กฟภ. ดังนั้น จึงเห็นสมควรไม่ลงโทษบริษัทฯ ให้เป็นผู้ทิ้งงาน
(อ่านประกอบ : เปิดปม! กฟภ.ไม่ลงโทษเอกชนเป็นผู้ทิ้งงาน? หลังบอกเลิกสัญญาระบบไฟฟ้าปัตตานี 125 ล. (1)), อ้างเหตุสุดวิสัย! เปิดหนังสือ กฟภ. แจ้งเลิกสัญญา-ไม่ลงโทษ ทำระบบไฟฟ้าปัตตานี 125 ล.(2), คำชี้แจง กฟภ. กรณีเลิกสัญญา-ไม่ลงโทษ บ.ทำระบบไฟฟ้าปัตตานี 125 ล.)
ล่าสุด ทีมข่าวอิศรา ได้เดินทางไปตรวจสอบเรื่องนี้ที่ กฟภ. สำนักงานไฟฟ้าปัตตานี 2 ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองปัตตานี
โดยผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ประเด็นนี้ และความคืบหน้าการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบ 115 เควี กับทางผู้อำนวยการสำนักงานไฟฟ้าปัตตานี 2 แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้ เพราะเป็นเรื่องของ กฟภ.ส่วนกลาง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทราบว่า โครงการนี้มีการปักเสาไฟฟ้าแรงสูงไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีการเดินและร้อยสายไฟแต่อย่างใด มีเพียงการปักเสาไฟเป็นระยะๆ ไม่มีความห่างที่แน่นอน ส่วนอุปกรณ์ที่เหลือหลังจากบริษัทผู้รับเหมายุติการก่อสร้าง ได้เก็บคืน กฟภ.ไปหมดแล้ว
เจ้าหน้าที่รายเดิม บอกอีกว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่พิจารณาและตัดสินใจโดย กฟภ.สำนักงานใหญ่ เพียงแต่พื้นที่ปฏิบัติงานอยู่ใน จ.ปัตตานี เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเพิ่มเติมทราบว่า จุดเริ่มต้นของโครงการคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางเข้าเขตอุตสาหกรรมปัตตานี เมื่อเลี้ยวซ้ายผ่านหน้าเรือนจำกลางปัตตานีไปถึงบริเวณนาเกลือ ก่อนถึงบ้านแหลมนก มีเสาไฟฟ้าแรงสูงปักอยู่เพียง 4 เสา เป็นเสาเปล่า ไม่มีการเดินร้อยสายไฟแต่อย่างใด
จากการสังเกตการณ์ในพื้นที่พบว่า การปักเสา จะเป็นการปักเสาพื้นที่ฝั่งซ้ายของถนนเพียงฝั่งเดียว จากจุดแรก เมื่อเลี้ยวขวาไปทางสามแยกบานา บริเวณแยกเข้าสะพานไม้บานา จะพบเสาอีก 1 ต้น จากจุดนี้หากขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ ผ่านจุดตรวจปราการ 15 บริเวณสามแยกบานา เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายปัตตานี-นราธิวาส อีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนถึงและหน้าโรงเรียนจงรักษ์สัตย์วิทยา จะเจอเสาไฟฟ้าแรงสูงอีก 6 เสา
ถัดไปอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร เข้าเขต อ.ยะหริ่ง เลยจุดตรวจหน้าวัดบ้านดีไปไม่กี่เมตร จะมีเสาไฟฟ้าแรงสูงปักอยู่จำนวน 7 เสา ทุกเสาไม่มีการเดินร้อยสายไฟ (ดูภาพและคลิปประกอบ)
(กดดูคลิปประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ได้ข้อมูลว่า การปักเสาไฟฟ้าเป็นการปักที่ขาดช่วงอย่างมาก มีเพียงเสาไฟโดดๆ ไม่มีการร้อยสายไฟ โดยระยะสิ้นสุดหรือปลายทางของโครงการ คือ แยกมะนังดาลำ อ.สายบุรี
อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา นายนุกูล ตูพานิช รองผู้ว่าการก่อสร้างและบริหารโครงการ ปฏิบัติงานแทน ผู้ว่าฯ กฟภ. ได้ส่งหนังสือชี้แจงกรณีไม่ลงโทษบริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ที่ทิ้งงาน เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทฯ มีเจตนาที่จะปฏิบัติงานตามสัญญาให้แล้วเสร็จ แม้เกิดอุปสรรคในการก่อสร้าง
มีรายละเอียดดังนี้
1. บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) มีเจตนาที่จะดําเนินเนินงานก่อสร้าง ให้แล้วเสร็จตามสัญญา โดยมีการดําเนินงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ทําให้มีปัญหาอุปสรรคที่ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งในส่วนของสถานการณ์บริเวณพื้นที่ก่อสร้าง และแรงงานที่มีความประสงค์จะทํางานในพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้การดําเนินงานก่อสร้างมีความก้าวหน้าน้อยมาก และจากการตรวจสอบงานก่อสร้างสายส่งและระบบจําหน่ายที่ บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) เป็นคู่สัญญาในช่วงเวลาเดียวกัน จํานวน 3 สัญญา บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) ยังคงมุ่งมั่นดําเนินงานก่อสร้างและแล้วเสร็จตามสัญญา
2. บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) มิได้ปฏิเสธความรับผิดชอบและ ยินยอมชําระค่าปรับให้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
จากเหตุผลข้อเท็จจริงข้างต้น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พิจารณาแล้วสามารถรับฟังได้ ซึ่งแสดง ว่ามีเจตนาที่จะปฏิบัติงานตามสัญญาให้แล้วเสร็จ แม้เกิดอุปสรรคในการก่อสร้าง ดังนั้น จึงไม่ลงโทษ บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ทิ้งงาน
ทั้งนี้ ผู้รับจ้างรายอื่นๆ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บอกเลิกสัญญา แต่ไม่มีการชี้แจงข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา แม้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะมีการทวงถาม หรือข้อชี้แจงไม่สามารถรับฟังได้ แสดงให้เห็นถึงเจตนาของการทิ้งงาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงได้สรุปเป็นผู้ทิ้งงาน และจัดส่งให้ปลัดกระทรวงการคลังพิจารณาสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงาน
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบหมายเหตุประกอบงบการเงิน บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่นำส่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุไว้ในหัวข้อต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากโครงการที่เกินกำหนด เกี่ยวกับการรับงานโครงการนี้ว่า ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 บริษัทได้รับการว่าจ้างให้ดำเนินการติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 125 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาว่าจ้างในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 อย่างไรก็ตาม ระหว่างติดตั้งงานดังกล่าว พื้นที่ดำเนินการได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง อันส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการปฏิบัติงาน บริษัทจึงได้รับการอนุมัติขยายระยะเวลาเสร็จสิ้นโครงการซึ่งอนุมัติโดยมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการเร่งรัดงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จได้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ซึ่งถึงกำหนดเสร็จสิ้นโครงการตามที่ได้รับการอนุมัติขยายระยะเวลาแล้ว แม้ว่าบริษัทจะมีเจตจำนงที่จะรับผิดชอบงานโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ในไตรมาส 3 พ.ศ. 2561 บริษัทได้ตกลงกับลูกค้าเพื่อหยุดการดำเนินงานในโครงการดังกล่าวแล้ว และอยู่ในระหว่างการเจรจากับลูกค้าเกี่ยวกับจำนวนงานที่จะรับชำระซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง
บริษัทได้ประเมินผลกระทบจากการปฏิบัติงานที่เกินกำหนดระยะเวลาสัญญาว่าจ้าง และหยุดดำเนินการแล้ว ว่ามีผลกระทบโดยตรงกับการเรียกเก็บเงินค่าก่อสร้าง บริษัทจึงตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ค่าก่อสร้างตามสัญญาที่ยังไม่ได้เรียกเก็บจำนวน 56.85 ล้านบาท ทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทมีต้นทุนจากโครงการที่เกินกำหนดระยะเวลาสัญญาประกอบด้วย ต้นทุนโครงการเพิ่มเติมจำนวน 3.86 ล้านบาท และค่าปรับตามสัญญาจำนวน 18.90 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้บันทึกผลกระทบทั้งสิ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 แล้ว
ในปี พ.ศ.2562 บริษัทได้จ่ายค่าปรับตามสัญญาบางส่วนจำนวน 6.00 ล้านบาทแล้ว สำหรับค่าปรับตามสัญญาส่วนที่เหลือและยอดคงเหลืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่วมกับลูกค้าเพื่อสรุปจำนวนงานที่จะรับชำระต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/