เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุแอฟริกาใต้รายแรกในไทย! อายุ 41 ปี โรคประจำตัวหืด-ความดันโลหิตสูง ทำงานรับซื้อพลอยอยู่แทนซาเนีย เข้าร่วมงานเลี้ยง แต่แขกในงานไม่ใส่แมสก์ กลับไทย 29 ม.ค. พบติดเชื้อ 3 ก.พ. ยันพบในชั้นกักตัว ยังไม่ระบาดสู่ชุมชน
...................................
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงกรณีเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ว่า มีความสำคัญใน 3 ประเด็น คือ 1.ทำให้เชื้อระบาดง่ายขึ้น เช่น สายพันธุ์อังกฤษ 2.ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง เช่น สายพันธุ์แอฟริกาใต้ และ 3. ทำให้โรครุนแรงขึ้น โดยตอนนี้ยังไม่พบ อย่างไรก็ดีสำหรับประเทศไทยตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ จี เหมือนกับทั่วโลก ส่วนไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อื่น ๆ มีโอกาสพบเจอได้ เช่น ก่อนหน้านี้พบสายพันธุ์อังกฤษในครอบครัวชาวอังกฤษที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตรวจพบเชื้อและเข้าระบบกักตัวรักษาทำให้เชื้อไม่แพร่สู่ชุมชน
นพ.โอกาส กล่าวอีกว่า ล่าสุดพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (South African Variant) รายแรกของประเทศไทย เป็นชายไทยอายุ 41 ปี มีโรคประจำตัวเป็นหืด และความดันโลหิตสูง โดยทำงานรับซื้อพลอยอยู่ที่แทนซาเนีย 2 เดือน โดยระหว่างอยู่แทนซาเนียได้เข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ผู้ร่วมงานไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 เดินทางมาต่อเครื่องเอธิโอเปียและเดินทางมาไทย จากการตรวจคัดกรองพบว่าสบายดี จึงเข้ารับการกักกันใน State Quarantine โดยเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ตรวจพบเชื้อจึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และไม่แพร่เชื้อสู่ชุมชนภายนอก
“เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มาจากทวีปแอฟริกา จึงมีการเก็บตัวอย่างส่งไปถอดรหัสพันธุกรรม ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ สภากาชาดไทย พบว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ทีมสอบสวนโรคจึงลงไปตรวจสอบสถานกักกันโรคและโรงพยาบาล พบว่าเจ้าหน้าที่ใส่เครื่องป้องกันอย่างดี และเก็บตัวอย่างส่งตรวจพบเป็นลบทุกคน สำหรับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ส่วนใหญ่พบการระบาดในทวีปแอฟริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา ส่วนในเอเชียยังไม่มี จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีผลกับประเทศไทย ดังนั้น การคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศที่พบสายพันธุ์นี้ โดยนำเข้าสู่การกักกัน เก็บตัวอย่างทันทีที่ถึงประเทศไทย คัดกรองผู้ที่มีอาการและประวัติเสี่ยงเข้าโรงพยาบาลทันที และตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทำให้เชื้อไม่ว่าสายพันธุ์ใดก็ไม่กระจายติดในชุมชนได้” นพ.โอภาส กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้ คือ 29 ม.ค. เดินทางถึงไทยจากแทนซาเนียต่อเครื่องที่เอธิโอเปีย คัดกรองอาการป่วย ณ ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่มีไข้และอาการป่วย เดินทางไปกักตัวในสถานกักกันของรัฐ ต่อมา เมื่อวันที่ 3 ก.พ. เก็บตัวอย่างส่งตรวจเชื้อ covid ครั้งที่ 1 พบผลบวกติดเชื้อ หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ มีไข้ต่ำ ไอ รักษาในห้องแยกโรค ถัดมาเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ทีมสอบสวนโรค ส่งตัวอย่างตรวจระบบสายพันธุ์ของโควิด เนื่องจากเดินทางมาจากแอฟริกา เพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ ที่ศูนย์สุขภาพโรคอุบัติใหม่สภากาชาดไทย ซึ่งมีการถอดรหัสพันธุกรรม พบเป็นสายพันธุ์ South African Variant กระทั่้งเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ทีมสอบสวนโรคในพื้นที่และกรมควบคุมโรค ลงประเมินการสัมผัสผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่ ณ State Quarantine และ โรงพยาบาล พบว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินกิจกรรมอย่างรัดกุม ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจ PCR ในเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ใน State Quarantine รวม 41 ราย (โรงพยาบาล 31 ราย State Quarantine 10 ราย) ให้ผลเป็นลบทั้งหมด
นพ.โอกาส กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ดีสายพันธุ์นี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในประเทศไทย ยังคงเป็นการตรวจพบจากผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและเข้าสู่สถานการณ์ของรัฐ และเอเชีย เนื่องจากส่วนใหญ่ระบาดอยู่ในแอฟริกายุโรป เบื้องต้นยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสายพันธุ์นี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีนที่อาจจะลดลง
ทั้งนี้ แนวทางการคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์ South African Variant ได้ปรับให้มีความไวมากขึ้น เช่น การเก็บตัวย่างทันทีที่ถึงประเทศไทย คัดกรองผู้ที่มีอาการและประวัติเสี่ยงเข้าโรงพยาบาลทันที รวมทั้งมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่ที่ทันเวลาก่อนที่ผู้เดินทางจะออกจากโรงพยาบาล
โดยประเทศที่มีรายงาน South African Variant ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศแถบแอฟริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา ได้แก่ South Africa(735) UK(131) Belgium(48) Mozambique(41) Botswana(32) France(31) Netherlands(31) Mayotte(27) Switzerland(21) Australia(15) Germany(10) Ireland(10) และ USA(8) ตามลำดับ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage