"...ตนและเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถยนต์ทะเบียน กต 9681 สุราษฏร์ธานีไปประชุมเชิงปฏิบัติการของทางมหาวิทยาลัยมหิดลที่โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จริง แต่ในระหว่างทางได้รับโทรศัพท์ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ ว่าแม่ของกรรมการท่านหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งกรรมการท่านนี้เป็นคณะกรรมการพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีแจ้งว่าบิดาเสียและขอเชิญเข้าร่วมงานฌาปนกิจศพ เนื่องจากเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะไม่ทราบเรื่องมาก่อน เบื้องต้นได้ทำการโทรแจ้งเรื่องไปยังอธิการบดี ม.ราชภัฏสุราษฏร์ธานี ขอนำรถออกนอกเส้นทางที่ระบุไว้ในเอกสารการใช้รถและได้ทำการทำเอกสารย้อนหลังส่งให้ทางมหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..."
...............................
การใช้รถยนต์หลวงไปราชการ ของ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีและเจ้าหน้าที่รวม 3 ราย ถูกร้องเรียนจากบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย ว่าส่อจะมีการใช้งานผิดวัตถุประสงค์ โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นใบสั่งตรวจจับความเร็ว ขณะที่รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ยืนยันว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เนื่องจากในระหว่างการเดินทางไปปฎิบัติราชการได้รับแจ้งข่าวจากเครือข่ายประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูปัตตานีแจ้งว่าบิดาเสียและขอเชิญไปร่วมงานฌาปนกิจศพด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับการร้องเรียนจากบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กรณีรองอธิการบดีและเจ้าหน้าที่รวม 3 ราย ใช้รถยนต์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีไปราชการผิดวัตถุประสงค์
ผู้ร้องเรียนระบุว่า ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี ได้รับหนังสือขอเชิญเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ระบบความยั่งยืนของสถาบันการศึกษาในประเทศไทย ที่โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 13 – 14 ต.ค. 2563 ลงวันที่ 23 กันยายน 2563 จากคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี จึงมีคำสั่งให้บุคลากรจำนวน 3 ท่าน ไปเข้าร่วมประชุมในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 12. ต.ค. 2563 รองอธิการบดีรายดังกล่าวและเจ้าหน้าที่ ได้จัดทำคำสั่งขออนุญาตไปราชการงานประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง ระบบการประเมินความยั่งยืนของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ของ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเบิกเงินจำนวน 9,680 บาท เป็นค่าโรงแรมกับค่าเบี้ยเลี้ยง และขออนุญาตใช้รถยนต์ของมหาวิทยาลัยฯ หมายเลขทะเบียน กต 9681 สุราษฏร์ธานี พร้อมพนักงานขับรถ
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 13 ต.ค. 2563 เวลา 12.05 น. ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีข้อมูลปรากฎว่า รถยนต์ของมหาวิทยาลัยฯ คันดังกล่าว ได้ถูกตรวจจับความเร็ว 123 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีค่าปรับ 500 บาท อีกทั้งในรายการบันทึกการใช้รถยนต์ ระบุเริ่มต้นการเดินทางไว้ที่ 256,178 (กม./ไมล์) และสิ้นสุดไว้ที่ 257,427 (กม./ไมล์) ซึ่งมีส่วนต่าง 1,249 (กม./ไมล์)
ซึ่งจากข้อมูล Google Maps เมื่อทำการระบุพิกัดจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานีไปยังโรงแรมสยามออเรียลทัล ได้ระยะทางจริงไป-กลับ โดยประมาณ 650 (กม./ไมล์) ซึ่งระยะทางจริงในสมุดบันทึกการใช้รถกับข้อมูลจริงที่ได้จาก Google Maps นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง (ดูเอกสารประกอบ)
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังรองอธิการบดีรายดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า ดร.สมปราชญ์ วุฒิจันทร์ เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้
ดร.สมปราชญ์ วุฒิจันทร์ ชี้แจงว่า ตนและเจ้าหน้าที่ได้ใช้รถยนต์ทะเบียน กต 9681 สุราษฏร์ธานีไปประชุมเชิงปฏิบัติการของทางมหาวิทยาลัยมหิดลที่โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จริง แต่ในระหว่างทางได้รับโทรศัพท์ชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ ว่าแม่ของกรรมการท่านหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งกรรมการท่านนี้เป็นคณะกรรมการพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อความยั่งยืนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีแจ้งว่าบิดาเสียและขอเชิญเข้าร่วมงานฌาปนกิจศพ เนื่องจากเป็นเครือข่ายของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัยเพราะไม่ทราบเรื่องมาก่อน เบื้องต้นได้ทำการโทรแจ้งเรื่องไปยังอธิการบดี ม.ราชภัฏสุราษฏร์ธานี ขอนำรถออกนอกเส้นทางที่ระบุไว้ในเอกสารการใช้รถและได้ทำการทำเอกสารย้อนหลังส่งให้ทางมหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนกรณีที่ว่า รถยนต์ทะเบียน กต 9861 สุราษฏร์ธานี ที่มีการทำเอกสารขอใช้รถไปประชุมเชิงปฎิบัติการที่โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกตรวจจับความเร็วนั้น รองอธิการบดีรายดังกล่าว ชี้แจงว่า ตนไม่ทราบว่ารถถูกตรวจจับความเร็วและมีหนังสือแจ้งมายังมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานีแต่อย่างใด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage