นายกฯ ย้อนถามผู้ชุมนุมสาดสีใส่ป้าย ม.พัน 4 รอ.ควรทำหรือไม่ ย้ำเป็นทรัพย์สินราชการ เป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามกฎหมาย ส่วนการแก้ไข รธน.ขอให้รอดูผลการศึกษาของ กมธ.ร่วมสองสภาก่อน เชื่อยึดถือประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันกำชับครู 4 แสนคน ห้ามใช้ความรุนแรงกับเด็ก สั่ง ศธ.ลงพื้นที่แก้ปัญหาแล้ว
--------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงาน ว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนำไข่และสีไปสาดใสป้ายกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ หรือ ม.พัน 4 รอ. เพื่อทวงถามความคืบหน้าการลงโทษพลทหารนอกเครื่องแบบ 3 นายที่เข้าล็อกตัวประชาชนที่มาให้กำลังใจกลุ่มไอลอว์ระหว่างยื่นรายชื่อสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามสื่อว่า ท่านว่าอย่างไร ทำได้หรือไม่ได้ ควรทำหรือไม่ควร เป็นเรื่องที่กฎหมายก็ว่ากันไปและเป็นเรื่องทรัพย์สินทางราชการ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนช่วยกันดูแล ไม่อยากให้เป็นกลายเป็นชนวนทางการเมือง ส่วนตนได้สั่งให้หน่วยงานของรัฐระมัดระวังการปฏิบัติต่อประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมต่างๆ หากมีการเกินเลยก็คงเป็นเรื่องของกฎหมาย ตนไม่ต้องไปสั่งการอะไรทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าจะให้กองทัพอธิบายสังคมหรือไม่กับเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมอ้างว่ามี ‘นาย’ สั่งทหารไปล็อกคอประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ไม่มีหรอก”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวการเปิดพื้นที่ให้มีการเคลื่อนไหวชุมนุมด้วยว่า จะเปิดหรือไม่ เขาก็เคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่ต้องนึกถึงด้วยว่ากฎหมายจะตามมาทีหลังอย่างไรก็ว่ากันอีกที เพราะมีการเก็บหลักฐาน แต่วันนี้ไม่อยากให้เป็นประเด็นที่มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นการชักจูงให้คนเข้าร่วมการชุมนุมเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ได้ให้ข้อมูลที่แท้จริง
“หลายอย่างเขาเพียงแค่อยากไปถ่ายรูปให้เห็นมีรูปของเขาเคลื่อนไหว และเราก็ไปขยายให้เขาเยอะๆ ก็เป็นเงื่อนไขให้เขา ส่วนผมต้องการจะลดความไม่สงบเรียบร้อยของสังคมและประเทศให้มากที่สุด หลายเรื่องท่านทราบดี ทั้งเรื่องกฎหมายและอะไรต่างๆ เหล่านี้ ที่กังวลก็คือ รัฐจะต้องพยายามประคับประคองตรงนี้ให้ได้ แต่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมากพอสมควรก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ตรงนี้ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ขอบคุณสื่อหลักๆ ที่เผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงให้สังคมได้เห็น อะไรที่ไม่ควรจะได้ยินและเป็นการยั่วยุก็ไม่ต้องเผยแพร่ตอกย้ำ ถ้าผิดอยู่แล้วไม่ถูกต้องก็อย่าไปขยายความ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@รอดูแก้ไข รธน.หลังสองสภาตั้ง กมธ.ศึกษา 30 วัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ที่ยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกันด้วย ว่า ต้องรอให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) 3 ฝ่ายเขาศึกษาก่อน 30 วัน จากนั้นเปิดสมัยประชุมสภาก็พิจารณาในวาระแรก ส่วนเขาจะมีมติหรือมีความเห้นอย่างไรก็ไปสรุปกันออกมา ช่วงนี้ต้องทำให้เกิดการพิจารราร่วมกันของทั้งสองสภาก่อน ส่วนตนไปกำกับดูแลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไปสั่งการอะไรไม่ได้ และที่ผ่านมาทุกคนก็แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระ ยึดมั่นผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน ซึ่งมีร่างแก้ไข รธน.หลายฉบับด้วยกัน ก็แล้วแต่ กมธ.เขาจะศึกษากันมา แต่ขอให้มองประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักอยู่แล้วว่าอะไรควรทำได้ อะไรไม่ควรทำ
@กำชับครู 4 แสนคนระวัง ห้ามใช้ความรุนแรงกับเด็ก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีครูอนุบาลทำร้ายนักเรียนที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ ว่า ข้อสำคัญที่ต้องฝากไว้คือ ครูต้องระมัดระวังในการลงโทษเด็ก ใช้ความรุนแรงไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีเจตนาดี ขอฝากไปถึงครูอีก 4 แสนกว่าคนนี้ด้วย อย่าทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาหรือกลายเป็นเงื่อนไขที่กลับมาถึงรัฐบาล ฝากบุคลากรครูว่าต้องสื่อสารถึงกันว่าทำแบบเดิมไม่ได้แล้ว จะตีแรงๆ ออกกำลังกายหนักๆ จนเขาบาดเจ็บไม่ได้ วันนี้โลกเปลี่ยนไปมาก หากสร้างความไม่พอใจก็จะทำให้เกิดการรวมกลุ่มก็จะทำให้ปัญหาต่างๆ แก้ไขไม่ได้อีก ทั้งนี้หวังความร่วมมือจากครู ส่วนพ่อแม่ก็ห่วงลูกของเขา วันนี้มีทั้งคลิปทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด อย่าคิดว่าทำอะไรแล้วคนจะไม่เห็น ส่วนตนได้กำชับให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ และต้องลงไปแก้ปัญหาให้ได้ทั้งหมด เพื่อให้สถาบันการศึกษาอยู่ในรกฎระเบียบข้อบังคับที่เหมาะสม
@ย้ำรับนักท่องเที่ยวเข้าไทยจำกัดจำนวน-ควบคุมโรคได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเมืองกวางโจ่วในช่วงต้นเดือน ต.ค. ว่า ต้องถามก่อนว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องเปิดหรือไม่ เขามาท่องเที่ยวเป็นกลุ่มใช่หรือไม่ และเป็นการนำร่องโครงการหรือไม่ เรื่องเหล่านี้ต้องถามสังคม ถามประชาชนว่ารับได้หรือไม่ หากรับได้ มาตรการเหล่านี้ก็จะออกมา เพราะถ้าคนในพื้นที่ไม่ตอบรับ ก็เป็นเรื่องลำบาก คนเดือดร้อนก็จะไม่ได้ประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามหามาตรการที่เหมาะสมในการดูแลนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเข้ามาแบบพิเศษ คือกำหนดไว้จำนวนจำกัด เข้ามาควบคุมดูแลได้ ติดตามตัวได้ และคนในพื้นที่ก็ต้องช่วยกันดูแลตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ถ้าไม่คิดแบบนี้ก็เดินหน้าไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม หากเขาเข้ามา ก็ต้องยินยอมทำตามกติกากฎหมายของเรา เช่นกักตัว หรืออยู่ในสถานที่ที่กำหนด นอกจากนั้นยังมีการติดตามประเมินผลว่าผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคหรือไม่ หากไม่ทำตามกฎ ก็จะถูกปิดทันที ซึ่งเป็นการดำเนินมาตรการเหมือนในช่วงที่เราผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ ก่อนหน้านี้” พล.อ.ประยุทธ์
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage