สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.สถิติวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ค.2563 (เวลา 14.00 น.)
- ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจากการตรวจ Test PCR จำนวน 131,287 ราย (เพิ่มขึ้น 308 ราย) ซึ่งรวมข้อมูลผู้ที่พบการติดเชื้อจากการตรวจ test PCR ในบ้านพักคนชราแล้ว แต่ไม่รวมผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อแต่มิได้ทำการตรวจ test
- รักษาอยู่ที่ รพ. 25,815 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 345 ราย นับเป็นวันที่ 19 ติดต่อกันที่มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวที่ รพ. น้อยลง (12 ราย) และรักษาหายออกจาก รพ. แล้วมากกว่า 50,784 ราย (เพิ่มขึ้น 222 ราย)
- อาการหนัก 3,819 ราย โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 80 ราย นับเป็นวันที่ 25 ติดต่อกันที่ยอดรวมของผู้ป่วยอาการหนักลดลงจากวันก่อนหน้า (จำนวน 8 ราย)
- เสียชีวิตที่ รพ. 15,583 ราย (เพิ่มขึ้น 96 ราย) เสียชีวิตที่บ้านพักคนชราและที่ศูนย์การแพทย์สังคม (établissements médico-sociaux) 9,312 ราย (เพิ่มขึ้น 39 ราย)
** รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 24,895 ราย (เพิ่มขึ้น 135 ราย) **
2. แผนที่ประมวลข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและข้อมูลอัตราการรักษาผู้ป่วยอาการหนักด้วยโรค covid-19 ที่ รพ. เพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐบาลในการกำหนดพื้นที่ สีแดง ? หรือสีเขียว ? ในวันที่ 7 พ.ค.2563 ดังแนบ (มีการปรับ จ. Gers, Loire-Atlantique, และ Mayenne กลายเป็นพื้นที่สีเขียว จากเดิมสีส้ม)
3. การสำรวจความเห็นประชาชน
ผลสำรวจความเห็นเกี่ยวกับความเชื่อมั่นรัฐบาลในการบริหารจัดการวิกฤติทางสาธารณสุขของ นสพ. Journal du Dimanche (โดยสถาบัน Ifop) ระหว่างวันที่ 29 - 30 เม.ย. พบว่า ชาวฝรั่งเศสร้อยละ 39 มีความเชื่อมั่นในรัฐบาล โดยเป็นอัตราคงที่ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ได้ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับเมื่อกลางเดือน มี.ค. และร้อยละ 47 เชื่อมั่นต่อความช่วยเหลือที่ให้แก่ บ.เอกชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจซึ่งลดลงร้อยละ 10 จากเมื่อช่วงกลางเดือน มี.ค. เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนมากเชื่อว่าไม่มีนักการเมืองฝรั่งเศสคนใดสามารถบริหารจัดการวิกฤติได้ดีกว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบัน
4. การผ่อนปรนมาตรการห้ามออกจากที่พัก : รมว.มหาดไทยได้ให้สัมภาษณ์รายการ Le Grand Jury โทรทัศน์ช่อง LCI เมื่อวันที่ 3 พ.ค. สรุปได้ ดังนี้
- ย้ำว่าจะแจ้งรายละเอียดของการอนุญาตให้เดินทางได้ไม่เกิน 100 กม. จากที่พัก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับรูปแบบของการตรวจสอบ (ระยะทางและเหตุผล) การเดินทางและจำนวนค่าปรับในกรณีต่าง ๆ ภายในช่วงสัปดาห์หน้า
- เห็นว่า ควรมีการบังคับให้สวมหน้ากากในบางช่วงเวลา (อาทิ ขณะใช้ระบบขนส่งสาธารณะ) แต่ไม่จำเป็นต้องมีการบังคับให้สวมหน้ากากในทุกพื้นที่และทุกขณะ โดยศาลปกครองสูงสุด (Conseil d’État) ได้ตัดสินให้ยกเลิกคำสั่งของนายกเทศมนตรีเมือง Sceaux ที่บังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากหากออกจากที่พัก ดังนั้น หากนายกเทศมนตรีเมืองอื่นจะมีมาตรการเช่นเดียวกัน ก็จะถูกศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ยกเลิกเช่นเดียวกัน
- สำหรับผู้ที่ได้ย้ายที่พักระหว่างการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พักไปยังที่พักสำรอง (résidence secondaire) ให้สามารถเดินทางกลับที่พักหลัก (domicile principal) ได้ตั้งแต่บัดนี้ เพื่อเตรียมการเข้าเรียนของบุตรหรือกลับไปทำงาน โดยไม่ต้องรอภายหลังวันที่ 11 พ.ค. และให้เลือกระบุเหตุจำเป็นทางครอบครัว (motif familial impérieux) ในแบบฟอร์มขออนุญาตออกจากที่พักได้
- แจ้งว่าหากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นรอบที่สองในเดือน มิ.ย. ได้ ก็อาจต้องพิจารณาจัดการเลือกตั้งรอบแรกใหม่ สำหรับเมืองที่ยังไม่มีผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างเบ็ดเสร็จในรอบแรก โดยเห็นว่าอาจพิจารณาให้มีการจัดการเลือกตั้งรอบที่สองในช่วงปลายเดือน ก.ย.2563
5. การเปิดให้บริการของสนามบิน
- นสพ. Les Echos รายงานเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ว่า สนามบิน Orly ซึ่งได้ปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มี.ค. น่าจะยังปิดให้บริการเป็นเวลาอีกหลายเดือนจนถึงเดือน ก.ย. เนื่องจากยังจะไม่มีปริมาณเที่ยวบินให้บริการเพียงพอที่จะต้องเปิดทำการ โดยได้มีสถิติเที่ยวบินในน่านฟ้ายุโรปต่ำที่สุดในประวัติการณ์เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 91 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และได้เริ่มกระเตื้องขึ้นร้อยละ 15 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงสองปีเพื่อให้มีปริมาณเที่ยวบินกลับมาให้บริการเท่าเดิมในฝรั่งเศส
- สำหรับสนามบิน Roissy-CDG ปัจจุบันเปิดให้บริการเพียงแค่ 3 terminals (2E, 2F และ 2A) และกำลังพิจารณาเรื่องการปิด terminal 2A ในอนาคตเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการดำเนินการตามมาตรการทางสาธารณสุข
6. แนวปฏิบัติทางสาธารณสุขในการโดยสาร Eurostar
รถไฟ Eurostar ประกาศให้ผู้โดยสารทุกคนต้องสวมหน้ากากตั้งแต่บริเวณสถานีรถไฟและบนรถไฟตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. เป็นต้นไป หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นรถไฟ หรือถูกปรับโดย จนท.ฝรั่งเศสหรือเบลเยียม และจะไม่มีการบริการอาหารบนรถไฟและที่สถานีรถไฟ อีกทั้งยังงดการให้บริการให้ความช่วยเหลือต่อผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อขึ้นรถไฟ