ใช้ยาแรงแก้ปัญหาแพร่ระบาดโควิดผ่านสนามบิน! CAAT ออกประกาศห้ามบินเข้าปท.ไทยชั่วคราว 3 วัน เริ่ม 4 เม.ย. เวลา 00.01 น. - 6 เม.ย. เวลา 23.59 น. ให้ผู้โดยสารเดินทางกลับก่อนหน้านี้ กักตัว 14 วันทุกรายด้วย-ด้านบิ๊กตู่ เรียกประชุมด่วนถกปัญหา 'สุวรรณภูมิ' วุ่น 'กต.' ปล่อยตัวผู้โดยสาร สหรัฐ-ญี่ปุ่น เดินทางกลับบ้าน ฝ่าฝืนคำสั่งรัฐ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2563 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ออกประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 6 เม.ย.2563 เวลา 23.59 น. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 มิให้มีสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น แต่ไม่นับรวมถึงอากาศยานที่ใช้ในราชการทหาร อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิคโดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด อากาศยานที่ได้รับอนญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับภูมิสำเนา อากาศยานขนส่งสินค้า
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้ผู้โดยสารบนอากาศยานที่ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานต้นทางก่อนประกาศนี้ใช้บังคับ อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2549 โดยต้องได้รับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน (ดูประกาศฉบับเต็มประกอบ)
ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานข่าวตรงกันว่า ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือถึงกรณี เกิดเหตุวุ่นวายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น หลังจากมีเที่ยวบินผู้โดยสารจากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น เดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผู้โดยสารรวมแล้วกว่า 100 คน จะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัว ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และประกาศของสำนักงานการบินพลเรือน หรือ กพท. โดยจะต้องนำผู้โดยสารเหล่านี้ ไปกักตัวในสถานที่ ที่กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานด้านความมั่นคงเตรียมไว้ แต่ผู้โดยสารกลุ่มนี้ได้ปฏิเสธ ที่จะเข้าสู่กระบวนการกักตัว และเกิดโต้เถียงกันยืดเยื้อนานกว่า 4 ชั่วโมง ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และเกิดความตึงเครียดขึ้น โดยกลุ่มผู้โดยสารระบุว่าไม่ทราบประกาศเรื่องของการกักตัวผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงประเทศไทยทุกเที่ยวบิน
หลังจากนั้น มีผู้โดยสารบางส่วนได้ เดินทางออกไปจากสนามบินได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างตามตัวให้ผู้โดยสารเหล่านี้กลับมาเข้าสู่กระบวนการกักตัว เพราะไม่เช่นนั้นก็จะทำให้ผู้โดยสารกลุ่มอื่น ที่เดินทางมาและต้องยอมรับมาตรการการกักตัวที่ภาครัฐประกาศไว้ เหมือนได้รับการเลือกปฏิบัติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขก็มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID 19
มีรายงานเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุขว่าผู้โดยสารที่ออกไป มีบางคนมีอาการไข้ ที่ถูกกักไว้ 3 คน อาศัยจังหวะชุลมุน หลบหนีการกักตัวออกจากสนามบินไปด้วย แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้มีการตามทั้ง3รายกลับมาได้แล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
ทั้งนี้ การเดินทางมาจากต่างประเทศของคนไทยและคนต่างชาติ ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจาก เมื่อกลับมาแล้วไ่ม่ยอมกักตัว และเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ จนเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งให้มีการชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้จะเป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ยังมีหน่วยราชการ ฝ่าฝืนคำสั่งและไม่ปฏิบัติตาม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง คนไทยที่อยู่นอกประเทศ ยังกลับมาไทยได้ เป็นสิทธิตามกฎหมาย อนุญาติให้กลุ่มคนไทยบางกลุ่มอยู่แล้ว สนามบินปิดไม่ได้ ยังมีคนไทยเดินทางมาจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย สหรัฐ ยุโรป กลับเข้ามาหลายร้อยคน แต่ส่วนคนไทยที่กลับเข้ามา จะถูกคุมตัวไว้สังเกตุ 14 วัน ใช้กับคนไทยทุกคนที่เข้ามาช่วงเวลานี้ (อ่านประกอบ:ไทยยังไม่ปิดประเทศ วิษณุ แถลงย้ำ ประกาศเคอร์ฟิว หากใช้ไม่ได้ผล เล็งขยับเวลาขึ้นอีก )
(อ้างอิงภาพเนื้อหาข่าวจาก https://www.naewna.com/local/484008)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/