"...คณะกรรมการได้ร่วมกันตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยละเอียดแล้วก็ดีเห็นว่าทั้ง 3 บริษัท มีเอกสารถูกต้องครบถ้วนตามประกาศ และการที่คณะกรรมการมีข้อสงสัยบางประการและได้ดําเนินการ ตรวจสอบแล้วก็ดี เมื่อไม่ปรากฏว่ามีเอกสารหลักฐานใดท่ีบ่งบอกถึงความไม่ถูกต้องหรือการมีผลประโยชน์ ร่วมกันหรือมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในเชิงบริหารและ/หรือเชิงทุนอย่างประจักษ์ ดังนั้น การที่จะไปกล่าวหา หรือตัดสิทธิการเข้าเสนอราคาในครั้งดังกล่าวย่อมไม่อาจกระทําได้ซึ่งการทําหน้าที่ตรวจสอบ รายละเอียดต่างๆ ของคณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับการตรวจสอบ รายละเอียดหรือข้อมูลในเชิงลึกของสํานักตรวจสอบพิเศษภาค 12 (จังหวัดเพชรบุรี) เพราะเป็นการตรวจสอบ โดยการลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข้อมูลอย่างละเอียด..."
ส่วนความคืบหน้าผลสรุปการสอบสวนคดีนี้เป็นอย่างไร ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนเป็นทางการในขณะนี้
คือ ข้อมูลที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ทิ้งท้ายไว้ ในรายงานพิเศษเปิดเผยรายละเอียดผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรณีการจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ชนิด 10 ล้อ วงเงิน 29 ล้านบาท ในช่วงปี 2555 ของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่ถูกระบุว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ผู้บริหารระดับสูงของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์รายหนึ่ง ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีกำหนด ส่งผลทำให้ผู้บริหารระดับสูงของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์รายนี้แสดงความไม่พอใจ ยื่นใบลาออกในเวลาต่อมา พร้อมยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์
ซึ่งมีสาระสำคัญว่า เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ส่งประกาศประกวดราคาซื้อรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยฯด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้หน่วยงานราชการและเอกชนจำนวน 18 หน่วยโดยมีหลักฐานให้ตรวจสอบไม่ครบถ้วน และมิได้ส่งประกาศดังกล่าวไปประกาศในเว็บไซต์ของสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตามประกาศกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ลงวันที่ 30 กันยายน 2553 เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่ คณะกรรมการดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ร่วมตรวจสอบเพียงเอกสารที่ผู้เสนอราคาเสนอมาเท่านั้น โดยไม่ผิดสังเกต ทั้งๆ ที่ตั้งของบริษัททั้ง 3 บริษัทตั้งอยู่ในหมู่และตำบลและอำเภอเดียวกัน
กลับไปพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคา ทั้ง 3 บริษัทว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
นอกจากนี้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุตรวจรับและรับรองว่าผู้ขายได้ส่งมอบรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันไดชนิด 10 ล้อ ถูกต้องตามสัญญา ทั้ง ๆ ที่การส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามคุณลักษณะเฉพาะตามที่กำหนดไว้ในสัญญาและยังมีการนำอุปกรณ์เก่ามาประกอบรถยนต์ดังกล่าวด้วยจึงไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ก่อนที่เรื่องนี้จะเงียบหายไป
(อ่านประกอบ : ล้วงลับผลสอบ สตง.ชี้มูลบิ๊กเทศบาลประจวบฯ ซื้อรถดับเพลิง29 ล.- 3 บ.แข่งขันที่อยู่เดียวกัน?)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งเบาะแสจากแหล่งข่าวในเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ว่า การสอบสวนการจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ชนิด 10 ล้อ วงเงิน 29 ล้านบาท ในช่วงปี 2555 ดังกล่าว เคยมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการพนักงานเทศบาลประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 6/2562 เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2562 ณ ห้องประชุมช่องกระจก ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางการ
ผลปรากฎว่า ที่ประชุม มีมติเอกฉันท์ ว่า คณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ชนิด 10 ล้อ ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ระมัดระวังรักษา ประโยชน์ของทางราชการและเห็นว่าการยุติเรื่อง ตามความเห็นของ คณะอนุกรรมการพิจารณาการดําเนินการทางวินัยและการให้ออกจากราชการ มีความเหมาะสมแล้ว
ปรากฎรายละเอียดดังต่อไปนี้
@ ข้อเท็จจริงเรื่องที่นำเสนอเข้าที่ประชุม คณะกรรมการพนักงานเทศบาลประจวบคีรีขันธ์
เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคําสั่งเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่ 4/2558 ลงวันที่ 6 มกราคม 2558 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง คําสั่งเทศบาลเมือง ประจวบคีรีขันธ์ ที่ 688 / 2558 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง เปลี่ยนแปลงและแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และคําสั่งเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่ 101 / 2560 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2560 เรื่อง ยกเลิก แก้ไขเปลี่ยนแปลงและแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
เพื่อสอบสวน นาย ส. (ตัวย่อ) อดีตผู้อํานวยการกองการศึกษา สังกัดเทศบาลตําบลปราณบุรี (ปัจจุบันโอนย้ายไปดํารงตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักการศึกษา เทศบาลนครสงขลา อําเภอเมือง จังหวัดสงขลา แล้ว) นาย ช. ตําแหน่ง หัวหน้าสํานักปลัดเทศบาล นาย ธ. นักทรัพยากรบุคคลชํานาญการ นาย ส. ตําแหน่งนักจัดการงานทะเบียนและบัตรชํานาญการ และ นาง ส. ตําแหน่ง เจ้าพนักงานธุรการชํานาญงาน สังกัดเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์
กรณีได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ชนิด 10 ล้อ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ ของทางราชการ
อ้างอิงข้อมูลว่า - มูลกรณีเรื่องนี้ปรากฏเนื่องจาก สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยสํานักตรวจสอบพิเศษ ภาค 12 (จังหวัดเพชรบุรี) ได้ตรวจสอบสืบสวนเรื่องการจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันไดชนิด 10 ล้อ ของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์พบว่า คณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามคําสั่ง เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่ 491/2558 ลงวันที่ 14 กันยายน 2554 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการ ดําเนินการประกวดราคาโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์คณะกรรมการตรวจรับพัสดุรถยนต์ดับเพลิง กู้ภัยแบบกระเช้าบันได และคําสั่งเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่ 535/2554 ลงวันที่ 29 กันยายน 2554 เรื่อง แต่งตั้งเลขานุการคณะกรรมการดําเนินการประกวดราคาโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ได้ร่วมกันตรวจสอบคุณสมบัติของ บริษัท ศศิมา แอนด์เพิ่มพูน จํากัด บริษัท โชคสมบูรณ์อิควิปเมนท์จํากัด และบริษัท เจริญสุขถาวร จํากัด โดยไม่พบว่าทั้งสามบริษัท มีความเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่
แต่ทั้งนี้เนื่องจากทั้งสามบริษัทต่างมีที่อยู่ที่หมู่ที่ 1 ตําบลบ้านช้าง อําเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เหมือนกัน
คณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ควร จึงมีเหตุอันควรต้องสงสัยว่าทั้งสามบริษัทมีความเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ เพื่อจะได้ทราบว่าทั้งสามบริษัท ร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทําสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงาน ของรัฐหรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติหรือไม่ ประการใด
ประกอบกับมีผู้ซื้อเอกสารประมูลซื้ออีก 5 บริษัท/ห้าง ซึ่งมีที่อยู่แตกต่างกัน
เพราะเหตุใดทั้ง 5 บริษัท/ห้าง จึงไม่เข้าร่วมประมูลซื้อรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยคันดังกล่าว ทั้งที่ได้ซื้อเอกสารประมูลซื้อในราคา 10,000 บาท อันเป็นจํานวนเงินที่มากพอควร (ซึ่งผิดปกติอันวิญญูชนควรสงสัยด้วยเหตุอันควรสงสัยดังกล่าว)
บ่งชี้ให้เห็นได้ว่า ทั้งสามบริษัทดังกล่าวน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และร่วมกันเสนอราคาเพื่อ วัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทําสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา อย่างเป็นธรรมหรือโดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐหรือโดยการ เอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐ อันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ
แต่คณะกรรมการดําเนินการ ประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์กลับตรวจสอบเพียงเอกสารที่ทั้งสามบริษัทเสนอมา ไม่พยายามสอบหา ข้อเท็จจริงจากภายนอกเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ซึ่งหากมีการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้วย่อมพบว่า ทั้งสามบริษัทนั้นมีความเกี่ยวข้องกันไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม พร้อมตัดสิทธิการเข้าเสนอราคาครั้งดังกล่าวของทั้งสามบริษัท
แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวหาได้ปฏิบัติเช่นนั้นไม่
เบื้องต้น คณะกรรมการสอบสวนได้ทําบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหาและสรุป พยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาที่ปรากฏตามเรื่องที่กล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ทราบแล้ว
@ ข้อพิจารณา
คณะกรรมการสอบสวนได้ประชุมพิจารณาลงมติแล้ว เห็นว่า ประเด็นตามข้อกล่าวหาทั้งหมดนําไปสู่การพิจารณาว่า คณะกรรมการดําเนินการประมูล ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ ตามข้อ 5 วรรค 1 ของประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่
พิเคราะห์ประเด็นตามข้อกล่าวหาและพิจารณาแล้วว่า การที่คณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ฯ ได้สอบถามหน่วยงาน ราชการ ที่เกี่ยวข้องทางโทรศัพท์ถือว่าเป็นการตรวจสอบทางหนึ่ง แม้ไม่ปรากฏหลักฐานในการตรวจสอบก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากระยะเวลาในการทําหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของคณะกรรมการฯ ตามคําสั่ง ที่ได้รับแต่งตั้ง และประกาศเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์เรื่อง ประมูลซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2554 จะเห็นว่ามีระยะเวลาที่จํากัดมาก กําหนดยื่น เอกสารประมูลซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในวันที่ 26 ตุลาคม 2554 และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับการ คัดเลือกให้เข้าเสนอราคา ในวันที่ 31 ตุลาคม 2554 ซึ่งมีระยะเวลาเพียงไม่ถึง 5 วัน ก็จะต้องเสนอผลการ พิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่ผ่านการพิจารณาเพื่อดําเนินการต่อไป และหากจะต้องสอบถามหน่วยงาน ราชการที่เกี่ยวข้องเป็นลายลักษณ์อักษรก็ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าได้รับการตอบกลับหรือไม่หรือตอบกลับ ภายในกี่วันเช่นกันประกอบกับข้อจํากัดในเรื่องภารกิจหน้าที่ราชการประจําของคณะกรรมการแต่ละท่านก็ดี
การที่คณะกรรมการได้ร่วมกันตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยละเอียดแล้วก็ดีเห็นว่าทั้ง 3 บริษัท มีเอกสารถูกต้องครบถ้วนตามประกาศ และการที่คณะกรรมการมีข้อสงสัยบางประการและได้ดําเนินการ ตรวจสอบแล้วก็ดี เมื่อไม่ปรากฏว่ามีเอกสารหลักฐานใดท่ีบ่งบอกถึงความไม่ถูกต้องหรือการมีผลประโยชน์ ร่วมกันหรือมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในเชิงบริหารและ/หรือเชิงทุนอย่างประจักษ์
ดังนั้น การที่จะไปกล่าวหา หรือตัดสิทธิการเข้าเสนอราคาในครั้งดังกล่าวย่อมไม่อาจกระทําได้ซึ่งการทําหน้าที่ตรวจสอบ รายละเอียดต่างๆ ของคณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับการตรวจสอบ รายละเอียดหรือข้อมูลในเชิงลึกของสํานักตรวจสอบพิเศษภาค 12 (จังหวัดเพชรบุรี) เพราะเป็นการตรวจสอบ โดยการลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข้อมูลอย่างละเอียด
สรุปว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ ดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ฯ ทั้ง 4 ราย ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวโดยใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ตลอดจนได้ใช้ความพยายามในการแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อรักษาประโยชน์ของทางราชการ อย่างเช่นวิญญูชนทั่วไปพึงกระทําในภาวะและพฤติการณ์เช่นนั้นอย่างเพียงพอแล้ว จึงไม่มีความผิดตาม ข้อกล่าวหา เห็นควรยุติเรื่อง
เบื้องต้น นายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ได้พิจารณาสํานวนการสอบสวนแล้ว มีความเห็นยุติเรื่อง ตามที่คณะกรรมการสอบสวนเสนอ
พิจารณาข้อกฎหมาย ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เรื่อง หลักเกณฑ์และ เงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2544 ข้อ 5 วรรคแรก พนักงานเทศบาลต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการและต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
ความเห็นของฝ่ายเลขาฯ คณะอนุกรรมการฯ มีดังนี้
1. การตรวจสอบสํานวนการสอบสวน ได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ากระบวนการสอบสวนเป็นไป โดยถูกต้องตามที่ประกาศหลักเกณฑ์กําหนด
2. ความถูกต้องและเหมาะสมในการกําหนดระดับโทษ พิจารณาข้อเท็จจริงจากสํานวนการสอบสวนแล้วเห็นว่าการกระทําดังกล่าวของ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา เห็นควรยุติเรื่อง ตามที่นายกเทศมนตรีเมือง ประจวบคีรีขันธ์รายงานมาถูกต้องเหมาะสมแล้ว ความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่า การยุติเรื่องของนายกเทศมนตรีเมืองประจวบคีรีขันธ์ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว จึงเสนอที่ประชุมเพื่อโปรดพิจารณา การพิจารณาของ ก.ท.จ.
ขณะที่ ก.ท.จ. ได้พิจารณาเกี่ยวกับการดําเนินการทางวินัยของพนักงานเทศบาล จํานวน 4 ราย คือ นาย ช. นาย ธ. นาย ส. และนาง ส. จากสํานวน การสอบสวนความผิดทางวินัยของเทศบาล ประกอบความเห็นของคณะอนุกรรมการพิจารณาการดําเนินการ ทางวินัยและการให้ออกจากราชการแล้วเห็นว่า การกระทําดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย กรณีได้รับ แต่งตั้งเป็นคณะกรรมการดําเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์รถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ชนิด 10 ล้อ ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ระมัดระวังรักษา ประโยชน์ของทางราชการนั้น ไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา
จึงเห็นว่าการยุติเรื่อง ตามความเห็นของ คณะอนุกรรมการพิจารณาการดําเนินการทางวินัยและการให้ออกจากราชการ มีความเหมาะสมแล้ว
อนึ่ง สําหรับรายนาย ส. ซึ่งปัจจุบันโอนย้ายไปดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการสํานักการศึกษา เทศบาลนคร สงขลา อําเภอเมือง จังหวัดสงขลา แล้ว ให้ฝ่ายเลขานุการ คณะอนุกรรมการฯ จัดส่งสํานวนการสอบสวนไปให้ ก.ท.จ.สงขลา พิจารณาตามอํานาจหน้าที่ต่อไป
มติที่ประชุม
คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่าการยุติเรื่อง ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการ พิจารณาการดําเนินการทางวินัยและการให้ออกจากราชการ มีความเหมาะสมแล้ว และให้ฝ่ายเลขาฯ ดําเนินการดังนี้
1. ให้ฝ่ายเลขาฯ ก.ท.จ. แจ้งเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์พิจารณาดําเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป
2. สําหรับรายนาย ส. ซึ่งปัจจุบันโอนย้ายไปดํารงตําแหน่ง ผู้อํานวยการ สํานักการศึกษา เทศบาลนครสงขลา อําเภอเมือง จังหวัดสงขลา แล้ว ให้ฝ่ายเลขาฯ คณะอนุกรรมการฯ จัดส่ง สํานวนการสอบสวน ไปให้ก.ท.จ.สงขลา พิจารณาตามอํานาจหน้าที่
-----------------------
ทั้งหมดนี่ คือ ความคืบหน้าการตรวจสอบคดีจัดซื้อรถยนต์ดับเพลิงกู้ภัยแบบกระเช้าบันได ชนิด 10 ล้อ วงเงิน 29 ล้านบาท ในช่วงปี 2555 ของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งเบาะแสล่าสุดในขณะนี้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/