รัฐบาลไทย จัดพิธีรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี เฝ้ารับเสด็จ
วันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 09:30 น. รัฐบาลไทย จัดพิธีรับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส (His Holiness Pope Francis) ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี เฝ้ารับเสด็จ ก่อนที่จะประทานพระดำรัสแก่รัฐบาล ข้าราชการ และทูตานุทูต
นายกรัฐมนตรีนำเสด็จไปยังแท่นรับความเคารพ กองเกียรติยศผสม จำนวน 1 กองพัน ซึ่งจัดจากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงเพลงชาติวาติกัน และเพลงชาติไทยตามลำดับ
จบแล้ว เสด็จไปยังแถวผู้มีเกียรติที่มาร่วมพิธี อธิบดีกรมพิธีการทูต กราบทูลเบิกรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเฝ้ารับเสด็จ หัวหน้าฝ่ายการทูต นครรัฐวาติกันแนะนำผู้ตามเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาต่อนายกรัฐมนตรี
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบทูลเชิญเสด็จไปยังตึกไทยคู่ฟ้า
ที่ตึกไทยคู่ฟ้า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประทับฉายพระรูปร่วมกับนายกรัฐมนตรี แล้วเสด็จไปยังห้องรับรองสีงาช้างด้านนอก นายกรัฐมนตรีเบิกรองศาสตราจารย์ นราพร จันทร์โอชา ภริยา เข้าเฝ้า จากนั้นทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยมของรัฐบาล และทอดพระเนตรของที่ระลึก ซึ่งนายกรัฐมนตรีถวาย
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา ทรงพระกรุณาโปรดประทานของที่ระลึกแก่นายกรัฐมนตรีด้วย แล้วเสด็จเข้าสู่ห้องสีงาช้างด้านใน เพื่อทรงมีพระปฏิสันถารกับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะเสด็จต่อไปยังตึกสันติไมตรี
ณ ตึกสันติไมตรี คณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ คณะทูตานุทูต ข้าราชการ ผู้แทนศาสนาต่างๆ และผู้มีเกียรติของรัฐบาลรอรับเสด็จ เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเสด็จถึงตึกสันติไมตรี
นายกรัฐมนตรีกราบทูลแสดงความยินดีในการเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสถวายการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในปีนี้ตรงกับวาระครบรอบ 350 ปี การจัดตั้งคณะมิสซังคาทอลิกแห่งสยาม และเป็นวาระครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับนครรัฐวาติกัน ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมพระกรณียกิจของสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ที่ทรงให้ความสำคัญกับการสร้างความสามัคคี การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมสันติภาพในโลก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกศาสนา
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินนโยบายของไทยที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งในปี 2562 นี้ ไทยในฐานะประธานอาเซียนได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนและประเทศหุ้นส่วนทุกภูมิภาคส่งเสริมประชาคมอาเซียนให้เป็นสังคมแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ จากผลการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 สมาชิกอาเซียนต่างเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือตามประเด็นที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาความยากจน การลดช่องว่างด้านการพัฒนา การพัฒนาทุนมนุษย์ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การลดขยะทะเล การพัฒนาพลังงานทดแทน และการอพยพย้ายถิ่นฐานที่เน้นการอำนวยความสะดวก การส่งกลับโดยสมัครใจ ปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี จึงเชื่อมั่นว่าไทยและนครรัฐวาติกันจะร่วมมือกันได้อย่างใกล้ชิดทั้งในกรอบทวิภาคีและระหว่างประเทศ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการเสด็จเยือนไทยครั้งนี้ ของสมเด็จพระสันตะปาปาฯ ยังความปลื้มปิติแก่คริสต์ศาสนิกชนชาวคาทอลิกในประเทศไทยที่มีจำนวนมากกว่า 380,000 คน และเป็นโอกาสให้ได้เข้าร่วมกิจกรรมและพิธีทางศาสนาที่สมเด็จพระสันตะปาปาฯ จะทรงเป็นประธาน ทั้งนี้ รัฐบาลและชาวไทยพร้อมถวายการต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฯ และคณะผู้ตามเสด็จอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้การเสด็จเยือนประเทศไทยเป็นไปโดยราบรื่นตามที่มุ่งหมายไว้
จากนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ประทานพระดำรัสแก่ผู้มาเฝ้า ดังนี้
สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ยินดีที่ได้มาเยือนประเทศไทย ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และเป็นประเทศที่ยังคงรักษามรดกทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับ ย้ำถึงความปรารถนาดีต่อราชอาณาจักรไทย และต่อการปกครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เคารพและยินดีที่ได้พบทุกท่าน ตลอดจนได้อำนวยพรไปยังบรรดาปวงชนชาวไทยทุกคน และขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้สมเด็จพระสันตะปาปาฯ มาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้
อาเซียนเป็นสัญลักษณ์ของการร่วมแรงร่วมใจเพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาคที่กำลังเผชิญ ซึ่งปัญหาของโลกในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของโลก ในฐานะที่ไทยมีวัฒนธรรมหลากหลายเป็นประเทศพหุสังคมจึงเป็นประเทศที่ยอมรับถึงการสร้างความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งประสบการณ์จากการให้ความเคารพและยอมรับความแตกต่าง เป็นแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนที่ปรารถนาที่จะสร้างโลกที่แตกต่าง เพื่อมอบให้กับชนรุ่นต่อไป
สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ชื่นชมการจัดตั้งคณะกรรมการแห่งศูนย์จริยธรรมและสังคม ซึ่งได้เชิญผู้แทนจากศาสนาต่าง ๆ ในประเทศเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อรับฟังความคิดเห็น ในการที่จะรักษาความทรงจำทางจิตวิญญาณอันมีชีวิตของประชาชน สมเด็จพระสันตะปาปาฯ จะได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อแสดงถึงความสำคัญและความเร่งด่วนในการสร้างมิตรภาพระหว่างศาสนา เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของสังคม
สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ยืนยันว่า ชาวคาทอลิกจะพยายามอย่างเต็มความสามารถ ในการสนับสนุนอัตลักษณ์ของความเป็นไทย แผ่นดินไทยได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินแห่งอิสรภาพ อิสรภาพจะเกิดขึ้นต่อเมื่อทุกคนมีความรับผิดชอบต่อกันและกัน เพราะฉะนั้นต้องเอาชนะความไม่เท่าเทียมให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษา อาชีพการงาน และความช่วยเหลือด้านสุขภาพเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สมบูรณ์และยั่งยืน
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้กล่าวเกี่ยวกับวิกฤติการณ์การเคลื่อนไหวของผู้ย้ายถิ่น ซึ่งปัญหาอยู่ที่สถานการณ์ที่ทำให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นเป็นปัญหาด้านจริยธรรมที่สำคัญ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ขอสนับสนุนให้ประชาคมระหว่างประเทศ แก้ไขปัญหาที่ผลักดันให้ประชาชนต้องหลบหนีออกจากประเทศของตน และส่งเสริมให้มีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย มีการจัดการ และมีการควบคุม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกประเทศจะจัดตั้งกลไกปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้ย้ายถิ่นและผู้อพยพ กอปรกับ สมเด็จพระสันตะปาปาฯ ได้ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ได้ดำเนินการแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรง และการใช้แรงงานในเด็ก และสตรี โดยปีนี้ เป็นปีแห่งการครบรอบ 30 ปี ของ “อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก” ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับเราในการที่จะไตร่ตรองการวางอนาคตของประชากรของเรา
ตอนท้าย สมเด็จพระสันตะปาปาฯ กล่าวส่งเสริมให้สังคมมี “ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่” เป็นภารกิจที่ทุกคนสามารถทำได้ และได้ขอพระพรจากพระเจ้า ให้ประเทศ ผู้นำ และประชาชนชาวไทย ขอให้พระเจ้าทรงนำทุกคน ในหนทางแห่งปัญญา ความยุติธรรม และสันติสุข
เมื่อจบพระดำรัสแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปามีพระปฏิสันถารกับผู้มาเฝ้า เมื่อได้เวลาอันสมควร
นายกรัฐมนตรีนำเสด็จไปประทับรถยนต์พระประเทียบ เพื่อเสด็จไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
และเสด็จโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์เพื่อประทานโอวาทแก่บุคลากรทางการ แพทย์ ของโรงพยาบาลคาทอลิกทั้ง 4 โรงพยาบาล
ที่มาภาพ: https://www.thaigov.go.th , วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม Wat Rajabopit
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เสด็จถึงราชอาณาจักรไทยแล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/