"...ที่มาที่ไปของทำเรื่องตัดโค่นไม้แซะ จำนวน 11 ต้น เป็นผลมาจากกรมป่าไม้ ได้รับการประสานงานจากกรมทางหลวงว่า มีต้นไม้หลายต้นริมถนน มีขนาดใหญ่ มีสภาพยืนตายแล้ว จึงขอให้กรมป่าไม้เข้ามาจัดการโดยเร็ว เพราะถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกรมป่าไม้ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ จึงสั่งการให้มีการเข้าไปสำรวจข้อมูลต้นไม้ ที่มีปัญหา เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเช่นกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ขึ้น ก็ต้องไปสอบสวนกันว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรกันแน่ ..."
"การสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นผลมาจากชนิดไม้ที่มีการตรวจสอบขออนุญาตก่อนโค่น ที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท้ายเหมือง เจ้าหน้าที่สำนักงานธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพังงา แขวงการทางภูเก็ต และเจ้าหน้าที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ รายงานต่ออธิบดีป่าไม้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง คือ บัญชีไม้ระบุ เป็นไม้ แซะ เพราะข้อเท็จจริงที่เป็นจริง ไม้ที่ทำการโค่น คือไม้ยางนา ขนาดใหญ่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้เจ้าของรอยตรา ต.8342 ก็ลงนามรับรองในบัญชีไม้ด้วย"
คือ ข้อมูลสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับทราบจากการติดตามคณะตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย นายสมชาย นุชนานนท์เทพ ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ พร้อมด้วยผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้พังงา เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 4 ภาคใต้ ตามคำสั่ง นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ หมวดการทางท่าฉัตรไชย แขวงการทางภูเก็ตและ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้สุราษฎร์ธานี สั่งปิดถนนสายโคกกลอย –ท่านุน ช่วงบ้านต้นแซ๊ะ ที่พิกัด N 8 องศา 14 ลิปดา 02 ฟิลิปดา E98 องศา 17 ลิปดา 50 ฟิลิปดา เมื่อเวลา 12.10 น.วันที่ 17 พ.ย.2562 เพื่อทำการโค่นล้มไม้ยางนาขนาดลำต้น เท่ากับรถยนต์กะะบะ ความยาวหลายเมตรจำนวนหลายต้น จนทำให้รถยนต์-จักรยานยนต์ที่สัญจร จาก จ.พังงา ไปยัง จ.ภูเก็ต ติดเป็นระยะทางยางหลายกิโลเมตร ส่งผลทำให้ประชาชนในพื้นที่ไม่พอใจ หลังทราบว่าการปิดการจราจรในครั้งนี้เป้าหมายเพื่อโค่นต้นไม้ที่เป็นสัญญาลักษณ์การอนุรักษ์ของชาวจังหวัดพังงา พร้อมถ่ายภาพโพสต์ในโซเชียลมีเดีย (Social Media) ส่งแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว (อ่านประกอบ : แฉรายงานไม่ตรงข้อเท็จจริง! อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งสอบด่วน จนท.ปิดถนนโค่นไม้ยางพังงา)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกรณีการขออนุญาตโค่นถนนสายโคกกลอย –ท่านุน ช่วงบ้านต้นแซ๊ะ ดังกล่าว พบว่า เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2561 เจ้าหน้าที่หน่วยงานร่วม 4 ฝ่าย ประกอบไปด้วย หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท้ายเหมือง สำนักงานธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพังงา แขวงการทางภูเก็ต และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ได้ลงนามรวมกันในบันทึกสรุปผลการสำรวจไม้
ระบุว่า คณะทำงานหน่วยงาน 4 ฝ่าย ได้ร่วมกันจัดทำบัญชีสรุปผลการสำรวจไม้ ที่ได้สำรวจตีตราต้นไม้กระยาเลยที่ยืนต้น หรือล้มขอนนอนไพร ยืนต้นตายตามธรรมชาติป่าที่เปิดใช้ประโยชน์ เพื่อทำประโยชน์ในบริเวณพื้นที่ทางหลวงหมายเลข 402 ตอนโคกลอย - หมากปรก อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เนื่องจากไม้ยืนต้นตาย เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้สัญจร
สำรวจพบไม้แซะ จำนวน 11 ต้น
เบื้องต้น องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ รับที่จะทำไม้ในส่วนที่คณะทำงานเห็นสมควรให้ทำออก โดยวิธีตัดฟัน โดยจะยื่นขออนุญาตทำไม้ออกต่อทางราชการต่อไป (ดูเอกสารประกอบ)
ต่อมาในช่วงเดือน ต.ค.2562 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ทำบัญทึกถึงผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 12 สาขากระบี่ แจ้งให้ทราบว่า องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ขออนุญาตทำไม้ในเขตหลวงหมายเลข 402 ตอนโคกลอย - หมากปรก อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ดังกล่าว และมาชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงลงนามรับทราบข้อกำหนดเพิ่มเติมประกอบใบอนุญาตแล้ว จึงได้ออกใบอนุญาตให้ทำไม้หวงห้ามธรรมดา นอกจากไม้สักในป่า โดยวิธีตัดฟัน
จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานกับจังหวัดพังงา เพื่อตรวจสอบควบคุมการทำไม้ การตรวจวัดประทับตรา การเรียกเก็บเงินค่าภาคหลวงและค่าบำรุงป่า ตลอดจนการออกใบเบิกทางนำไม้เคลื่อนที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดโดยเคร่งครัดต่อไป ซึ่งมีการชำระค่าภาคหลวงล่วงหน้าเป็นจำนวนเงิน 22 บาท
แต่ในข้อเท็จจริงที่ปรากฎ กับพบว่าไม้ที่ทำการโค่น คือไม้ยางนา ขนาดใหญ่ ไม่ใช่ ไม้แซะ จำนวน 11 ต้น ตามที่มีการทำเรื่องสำรวจไว้แต่อย่างใด
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้
นายอรรถพล ยืนยันว่า ในช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ย.2562 ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า ต้นไม้จำนวน 11 ต้น ที่ถูกตัดโค่นไป เป็นไม้ยางแดง ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับ ไม้ยางนา ซึ่งในจำนวนนี้ มี 3 ต้นที่ยืนตายไปแล้ว 6-7 ต้น มีการผุ ส่วนอีก 1 ต้น ยังสภาพสมบูรณ์ดี
นายอรรถพล ยังกล่าวด้วยว่า ที่มาที่ไปของทำเรื่องตัดโค่นไม้แซะ จำนวน 11 ต้น เป็นผลมาจากกรมป่าไม้ ได้รับการประสานงานจากกรมทางหลวงว่า มีต้นไม้หลายต้นริมถนน มีขนาดใหญ่ มีสภาพยืนตายแล้ว จึงขอให้กรมป่าไม้เข้ามาจัดการโดยเร็ว เพราะถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกรมป่าไม้ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ จึงสั่งการให้มีการเข้าไปสำรวจข้อมูลต้นไม้ ที่มีปัญหา เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเช่นกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ขึ้น ก็ต้องไปสอบสวนกันว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรกันแน่
"ผมได้สั่งการไปแล้ว ว่าให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที ว่า ปัญหาเรื่องนี้เกิดจากอะไร ใครเกี่ยวข้องบ้าง เป็นความผิดพลาดของใคร เพราะตอนทำเรื่องขอมาเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง แต่ไปตัดต้นไม้อีกชนิดหนึ่ง" อธิบดีกรมป่าไม้ระบุ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/