เปิดคำสั่งยึดทรัพย์อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง แฉโอนเงินให้ 3 คนใกล้ชิดหมุนเวียน 240.4 ล.

เป็นทางการ! เปิดคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ พระแย้ม ‘พระธรรมวชิรานุวัตร’ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับพวก ยักยอกเงินวัด 41.6 ล. แฉพฤติกรรม โอนเงินให้ บุคคล สีกา คนใกล้ชิด 3 คน หมุนเวียน 240.4 ล. ก่อน ปปง.ประกาศให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้คืน

สืบเนื่องจากวันที่  19 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืนหรือชดใช้คืนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน คดี พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม อินทร์กรุงเก่า) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม กับพวก ร่วมกันยักยอกเงินวัดไร่ขิง โดยปปง.สั่งยึดและอายัดทรัพย์ จำนวน 205 รายการ รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 41,680,209.61 บาท ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว (ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ปปง.ให้ผู้เสียหายยื่นขอชดใช้คืนคดีพระแย้มวัดไร่ขิงหลังยึดอายัดทรัพย์ 41.6 ล.)

พฤติการณ์แห่งคดีนี้เป็นอย่างไร?

สำนักข่าวอิศราตรวจสอบคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์พระธรรมวชิรานุวัตรพบว่า  ในช่วงปี  2564 - 2566 พระธรรมวชิรา (แย้ม) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้นำเงินของวัดไร่ขิง และเงินของมูลนิธิต่าง ๆ ของวัดไร่ขิงไปโดยมิได้นำไปใช้ในกิจการของวัด

• ในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2567 บัญชีเงินฝากธนาคารของพระธรรมวชิรา มีรายการโอนเงินออกไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของนางสาวอรัญญาวรรณ เป็นเงินทั้งสิ้น 63,796,024 บาท

• มีรายการโอนเงินออกไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของพระมหาเอกพจน์ พระในสังกัดวัดไร่ขิง เป็นเงินทั้งสิ้น 113,459,000 บาท

• มีรายการโอนเงินออกไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เลขที่บัญชี 2394049957 ชื่อบัญชี นายฉัตรชัย เป็นเงินทั้งสิ้น 63,146,010 บาท(รวมเงินหมุนเวียน 3 รายการนี้ประมาณ 240.4 ล้านบาท) 

คำสั่งฯระบุว่า เงินที่พระมหาเอกพจน์ และนายฉัตรชัย รับโอนมาจะถูกโอนต่อไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของนางสาวอรัญญาวรรณ และพบว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารของเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่าย LAGALAXY (แย้ม) เพื่อเล่นพนันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่าเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารของพระธรรมวชิรา (แย้ม) มีที่มาจาก 3 เส้นทาง ได้แก่

(1) การนำเงินสดฝากผ่านเคาท์เตอร์ธนาคาร โดยนายธรรมรัตน์ (รับผิดชอบการจำหน่ายวัตถุมงคลของวัดไร่ขิง) และนายสุจิต (พักอาศัยที่วัดไร่ขิง) เป็นผู้นำเงินสดมาทำรายการฝาก

(2) การนำเงินสดฝากผ่านเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ (CDM) โดยพระมหาเอกพจน์ เป็นผู้ยืนยันการทำรายการ และ

(3) การโอนเงินมาจากบัญชีเงินฝากธนาคารซึ่งใช้ในกิจการของวัดไร่ขิง ในเบื้องต้นพบว่ามีเงินของวัดไร่ขิงถูกยักยอกไป 11 รายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,950,000 บาท

ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. ตามคดีอาญาที่ 11 ดำเนินคดีแก่พระธรรมวชิรา (แย้ม) กับพวก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

คำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรมระบุอีกว่า เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.370/2568 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รายพระธรรมวชิรา (แย้ม) กับพวก และคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที ม.4493/2568 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) รายพระธรรมวชิรา (แย้ม) พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้วปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า พระธรรมวชิรา (แย้ม) กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน

และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐานปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 205 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ประเภทห้องชุดอันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อาจดำเนินการทางนิติกรรมโอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทางทะเบียนได้   คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 205 รายการ เป็นเวลา 90 วัน 

ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย

ทรัพย์สิน 205 รายการ อะไรบ้างและใครเป็นผู้ครอบครอง? สำนักข่าวอิศราจะรายงานต่อไป

อย่างไรก็ตามคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ของ ปปง.เป็นกระบวนการบังคับใช้กฎหมายขั้นต้น ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้เกี่ยวข้องกระทำผิด