
"...ถ้าหากคุณลองมองถอยหลังเข้ามา จะเห็นความพยายามโยงกับบุคคลต่างๆ เช่น ทั้งเบนจามิน,แคทรียา และโยงกลุ่มการเมืองต่างๆเช่นทักษิณ ชินวัตร ,ยิม เลียก (ประธานธนาคาร B.I.C)และกลุ่มจี (บริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง) ทั้งที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดเลย ต้องถามคนที่โยงว่าเป็นคนที่ต้องการสร้างประเด็นทางการเมือง หรือว่าเป็นคนที่ไม่สามารถจะซื้อหุ้นบางจากได้หรือเปล่า เขาถึงโยงแบบนี้..."
ประเด็นร้อน!
เบื้องลึกความสัมพันธ์ ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ นักธุรกิจชาวต่างประเทศ หลังปรากฏภาพบุคคลทั้ง 3 นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ที่ร้านอาหาร Provence ในห้างเกษรพลาซ่า ช่วงเดือนเม.ย.2568
มีคำอธิบายผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ให้ต่อทีมข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา และถูกนำเสนอเป็นทางการต่อสาธารณชนไปแล้ว

ข้อสงสัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่สังคมต้องการรับทราบคำตอบที่ชัดเจนเช่นกัน คือ กรณีกลุ่มบริษัท Chartered Group เข้าลงทุนซื้อหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (BCP) มีเบื้องหลังเกี่ยวกับกลุ่มทุนทางการเมืองและกัมพูชา ซึ่งมีเชื่อมโยงกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ด้วยหรือไม่
นอกจากการให้สัมภาษณ์พิเศษของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต่อทีมข่าวสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน นายณัฐกร อธิธนาวานิช กรรมการ บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด ให้สัมภาษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ด้วย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัท Chartered Group ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน ระบุว่า กลุ่มบริษัท Chartered Group ขอยืนยันอย่างชัดเจนว่ากลุ่มบริษัทไม่เคยมีและไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ โดยทางตรงหรือโดย ทางอ้อมกับนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลและ/หรือกลุ่มบุคคลที่ปรากฏในสื่อ สิ่งพิมพ์ และสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน การดําเนินธุรกิจทั้งหมดของกลุ่มบริษัทเป็นไปตามกฎหมายและข้อกําหนดด้านกํากับดูแลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
แต่ก็ยังมีคำถามค้างคาใจใครหลายคน ถึงเบื้องหลังการเข้าซื้อหุ้น บางจาก ของ กลุ่มบริษัท Chartered Group
นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป คือ ข้อเท็จจริงอีกด้านจากปากคำของ "นายณัฐกร อธิธนาวานิช"
************
" เรายืนยันว่าไม่มีความเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ หรือ การเกี่ยวข้องใด ๆ กับนักการเมือง พรรคการเมือง หรือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลตามที่ถูกกล่าวอ้างในขณะนี้"
นายณัฐกร กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา ก่อนจะเล่าว่า บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จํากัด (“ACE”) ได้เข้าซื้อหุ้น BCP รวมทั้งสิ้น 275,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.0083% และ ACE ได้รายงานการได้มาซึ่ง หลักทรัพย์ต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สํานักงาน ก.ล.ต.”) ตามแบบ 246-2เป็นที่เรียบร้อย เหตุผลที่ ACE สนใจลงทุนใน BCP เกิดจากข้อเสนอของเขา ซึ่งเป็นพันธมิตร (Local partner) ของ Chartered Group ในประเทศไทย ที่เล็งเห็นว่า BCP เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพ ในการเติบโตสูง สามารถขยายธุรกิจและพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นําบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาค อีกทั้งมีระดับราคาหรือมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสมและยังคงต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

นายณัฐกร เล่าต่อว่า เขาและ Chartered Group รู้จักกันมากว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ทำงานอยู่กับบริษัท McKinsey & Company (Thailand) ขณะที่ Chartered Group บริษัท Private Equity (PE) ที่ลงทุนในทรัพย์สินของบริษัทต่าง ๆ ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ก่อตั้งเป็นชาวอิสราเอล ภรรยาเป็นชาวญี่ปุ่น ลงทุนในภาคการเงินญี่ปุ่นมานานกว่า 20-30 ปี แล้ว แต่วิธีการทำงานต่างจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ทั่วไป โดยเน้นการ "ซื้อ-ซ่อม-สร้างมูลค่า" คือเข้าซื้อกิจการแล้วลงมือปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานทั้งหมด (เช่น เจรจากับธนาคาร, ปรับปรุงพนักงานและระบบปฏิบัติการ) จนบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แล้วจึงนำกลับเข้าตลาดหรือขาย มีขนาดและการลงทุนทั่วโลก ประมาณ 4-5 แสนล้านบาท โดยปกติลงทุนในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, ลักเซมเบิร์ก, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, อิสราเอล และ “ประเทศไทย” เป็นน้องใหม่
นายณัฐกร กล่าวต่อว่า ส่วนที่มาแหล่งเงินลงทุน ACE ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินแบบไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกํากับดูแลในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการรับรองและ อนุญาตจาก Monetary Authority of Singapore (MAS) การสนับสนุนดังกล่าวเกิดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น และความน่าเชื่อถือของ Chartered Group โดยการจัดหาเงินทุนดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎระเบียบ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด การตัดสินใจลงทุนใน BCP มีพื้นฐานจากความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของ BCP ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพ การในเติบโตที่สูง มีความสามารถในการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค และมีมูลค่าการลงทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถใช้เครือข่ายและความเชี่ยวชาญเพื่อเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้
@ เปิดดีลซื้อหุ้น บางจาก จากสปส.ก่อนล่ม
นายณัฐกร ยังเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการซื้อหุ้นบางจากว่า "จริงๆ อัลฟ่าชาร์เตอร์ดเอ็นเนอร์ยี่ ได้ยื่นข้อเสนอเข้าซื้อหุ้นบางจากจาก สปส. มาก่อนแล้ว โดยเสนอราคาที่สูงกว่าตลาด โดยเสนอราคา 43 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยุติธรรม ในช่วงมกราคม 2568 โดยเวลานั้นราคาตลาดอยู่เพียง 33 บาทซึ่งเป็นผลประโยชน์ต่อ สปส. เนื่องจากจะทำกำไรได้กว่า 2,000 ล้านบาท
"การเสนอราคาดังกล่าวได้รับการตอบรับจาก สปส. เป็นลายลักษณ์อักษรและได้มีการดำเนินการจนครบขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยผู้ซื้อ ที่มาแหล่งเงินทุน รวมถึงบัญชีหลักทรัพย์ตามที่ สปส. กำหนดไว้ อีกทั้ง ได้ผ่านขั้นตอนการยืนยันตัวตนจาก KYC จนกระทั่งพร้อมทำรายการบนกระดานได้"
"แต่การที่ขายไม่ได้ ผมก็ไปคุยกับทางเลขาธิการ สปส.ถามว่าทำไมไม่ขาย เพราะทุกอย่างมันครบหมดแล้ว ในที่สุดเราก็รู้ว่าการขายนั้นถูกดึงจากเจ้าหน้าที่ของ สปส. ผมรู้สึกเลยว่ามีพลังบางอย่างที่ไม่ปกติ หรือความไม่โปร่งใสที่ทำให้การขายไม่เกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการกำหนดวันทำรายการ แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงจะเห็นชอบและสนับสนุนให้ขายหุ้นตรงนี้ก็ตาม"
นายณัฐกร ระบุด้วยว่า มีการเตรียมเงิน 10,000 ล้านบาทไว้พร้อมแล้ว แต่ดีลมีแนวโน้มว่าไม่สามารถปิดได้ภายใน 90 วันตามกำหนด จากความพยายามที่จะไม่กำหนดวันทำรายการของผู้ปฏิบัติงานของ สปส. ทั้งที่ สปส.เองมีหนังสือตอบรับข้อเสนอเรียบร้อยแล้ว
@กลยุทธ์การเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น
นายณัฐกร ระบุต่อว่า หลังการซื้อหุ้นบางจาก จาก สปส. มีปัญหาผมเลยโทรศัพท์ไปหาทางชาร์เตอร์ดกรุ๊ปว่ามันมีปัญหาแน่นอน ช่วงกุมภาพันธ์ 2568 หลังจากคาดว่าดีลกับ สปส. อาจจะล่าช้า ไม่สำเร็จ ผมจึงเปลี่ยนวิธีการ เปิดตารางหุ้นเลยว่ามีใครบ้าง เพื่อรวบรวมหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น โดยเข้าติดต่อผู้ถือหุ้นหลายราย รวมถึงบริษัท CAI (Capital Asia Investments Pte) ด้วย ก็ปรากฎว่าบางคนขาย บางคนไม่ขาย เราก็เซ็นสัญญาซื้อกัน"
"จะเห็นได้ว่าในเดือนมีนาคม มีการซื้อขายหุ้น "บิ๊กล็อต" เกิดขึ้นจำนวนมากในช่วงนี้ และมีการเก็บหุ้นในตลาด ทำให้ อัลฟ่าชาร์เตอร์ดเอ็นเนอร์ยี่ สามารถรวบรวมหุ้นได้ประมาณ 20% โดยใช้ราคาเฉลี่ยที่ 35-36 บาท ซึ่งถูกกว่าที่เราเสนอราคาให้ สปส.ซึ่งอยู่ที่ 43 บาท สรุปก็คือ 3 บริษัทในกลุ่มชาร์เตอร์ที่เข้าไปซื้อหุ้นบางจากนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบท โดยCAI เป็นหนึ่งในผู้ที่ขายหุ้นและได้รับกำไรจำนวนมากจากการขายเช่นกัน"
"ตรงนี้ผมต้องขอยืนยันว่า การเข้ามาลงทุนครั้งนี้ ก็เพื่อทำให้บริษัทมีความแข็งแรง และสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งจะมีประโยชน์กับผู้ถือหุ้นทุกคน และเป็นการสร้างการแข่งขันซึ่งนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพที่แท้จริง เกิดประโยชน์กับประชาชนและอุตสาหกรรมในภาพรวม"
@ผลตอบแทนราคาตลาดหลังการซื้อ
นายณัฐกร กล่าวต่อว่า "หลังจากที่อัลฟ่าชาร์เตอร์ดซื้อหุ้นบางจากไปแล้ว เมษายน 2568 ก็ไม่มีอะไร จนกระทั่งพฤษภาคม -กรกฎาคม มีคนมาคุยกับผม 4 คนว่าขอซื้อหุ้น 20% ต่อจากผม โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทพลังงานต่างชาติซึ่งผมปฏิเสธไป ซึ่งรายหนึ่งมาจากปิโตรนาสของมาเลเซีย ผมก็รู้จักปิโตรนาสอยู่แล้ว ผมก็โทรไปถามเลยเขาก็บอกว่าเขาเคยอยากจะได้จริง แต่เนื่องจากรู้จักกันอยู่แล้ว เขาก็มองว่าเดี๋ยวเราทําอะไรร่วมกัน ทําธุรกิจร่วมกันก็ไม่เป็นไร"
"ส่วนอีก 2 รายที่เหลือเป็นแจ้งว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทพลังงานไทยขนาดใหญ่ แต่ผมก็ปฏิเสธที่จะขายไปและไม่สนใจรายละเอียดของบริษัทไทยที่เสนอซื้อหุ้นส่วนนี้"
@ทิศทางธุรกิจของบางจากภายใต้ชาร์เตอร์ หลังซื้อหุ้นบางจาก
เมื่อถามว่า ทิศทางธุรกิจของบางจากภายใต้ชาร์เตอร์ หลังซื้อหุ้นบางจากเป็นอย่างไร
นายณัฐกร ตอบว่า ทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าและกำไรของบางจากให้กลับไปอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าเพิ่มกำไรเป็น 2 เท่าภายใน 3 ปี และยืนยันว่าเป็นการลงทุนบางจากเป็นการลงทุนระดับเรือธง (Flagship Investment) ในระยะยาวของกลุ่มชาร์เตอร์ โดยจะเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน (operational excellence) รวมถึงแนวทางการจัดการ การบริหารจัดการเงินลงทุน การนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในโรงกลั่นและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง มีการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตในบ่อน้ำมันปิโตรเลียมขั้นปลาย (late-life field development) ที่นอร์เวย์ เพื่อนำองค์ความรู้มาขยายในภูมิภาคอื่นต่อไป
นายณัฐกร ยังยืนยันว่าบางจากไม่ได้มีเป้าหมายที่จะแข่งขันกับ ปตท. โดยตรง หรือเป็นผู้กำหนดนโยบายปิโตรเลียมแห่งชาติ (OTAR) ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐ เนื่องจากมีการวางเป้าหมายว่าจะเป็นบริษัทพลังงานระดับภูมิภาคและสามารถแสวงหาโอกาสเติบโตได้อยู่แล้ว
@โครงสร้างของอัลฟ่าชาร์เตอร์
สำหรับโครงสร้างบริษัทอัลฟ่าชาร์เตอร์ นั้นนายณัฐกร อธิบายว่า ชาร์เตอร์เป็นบริษัทข้ามชาติระดับโลก มีหุ้นส่วนในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ ไม่มีสำนักงานใหญ่ที่มีอำนาจสูงสุดแห่งเดียว แต่เป็นการตัดสินใจร่วมกันของหลายประเทศ เช่นกรณีที่มีปัญหาก็จะมีการประชุมซูมคอลพร้อมกันหลายประเทศ คือเวลาผมอยู่แมคเคนซี่ ระบบหุ้นส่วนก็จะทำงานกันแบบนี้
โดยกลุ่มชาร์เตอร์มีผู้ก่อตั้งและประธานคือ นายอียาอาล (Eyal) ชาวอิสราเอลที่ไปตั้งรกรากที่ญี่ปุ่น เขาถือว่าเป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุด
สำหรับตอนที่ชาร์เตอร์ได้มีการลงทุน ก็เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง อย่างที่ญี่ปุ่นก็มีการส่งระบบเซ็นเซอร์ชั้นสูงต่างๆเข้าไปในบริษัทที่ญี่ปุ่น ซึ่งเราก็จะเห็นโอกาสเดียวกันกับการลงทุนใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในบริษัทบางจาก

สำหรับเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงินสิงคโปร์ (MAS) เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เนื่องจาก ชาร์เตอร์ดกรุ๊ปมีความน่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจ คือเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท แม้จะดูเยอะแต่จริงๆแล้วมันเล็กมากเมื่อเราต้องทำดีลธุรกิจที่มีมูลค่าถึงหลัก 5 แสนล้านบาท กับเครดิตไลน์ของชาร์เตอร์ที่ทำทั้งกลุ่มมันเยอะมาก
ส่วนโครงสร้างอัลฟ่าชาร์เตอร์ดเอ็นเนอร์ยี่ (Alpha Chartered Energy) ในบางจากมีการจัดสรรอำนาจการโหวตให้คนไทย 51:49 เช่นเดียวกับการแบ่งผลประโยชน์ตามสัดส่วนนี้เพื่อรักษาอำนาจการตัดสินใจไว้ในมือคนไทยในกรณีที่เป็นธุรกิจพลังงานที่มีความละเอียดอ่อนต่อความมั่นคงของประเทศ และมีสิทธิ์ออกเสียงในการดูแลบริษัทอย่างสมบูรณ์
สำหรับหุ้นส่วนฝ่ายไทยที่มาบริหารก็มีประสบการณ์ในธุรกิจพลังงานทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี ก็เป็นกลุ่มคนที่เคยมีประสบการณ์ในการร่วมงานกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกอย่าง McKinsey & Company ในการปรับปรุงบริษัทมาแล้ว และยังมีประสบการณ์ตรงกับการบริหารงานในบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งกรรมการผู้แทนที่มีประสบการณ์ เช่น Dr.Tomas Koch อดีตหุ้นส่วนอาวุโสของ McKinsey & Company ที่มีประสบการณ์ยาวนานในด้านพลังงานในระดับโลก
ปัจจุบัน บางจากยังมีกรรมการอิสระที่ถือเป็นมือดี ไม่ว่าจะเป็น นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไออาร์พีซี บริษัทลูกหม้อ ปตท. ที่มีได้รับการยอมรับอย่างสูงด้านโรงกลั่นและปิโตรเคมี และมีผลงานในการพลิกฟื้น ไออาร์พีซี ให้ทำกำไรระดับหลายหมื่นล้านหลายปีต่อเนื่องกัน นายไพโรจน์ กวียานนท์ อดีต ผู้บริหารเชฟรอน ประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสำรวจและขุดเจาะเป็นต้น

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศรเชื่อมโยงอัลฟ่าชาร์เตอร์กับกลุ่มการเมืองในการซื้อหุ้นบางจาก
@กรณีถูกโยงความสัมพันธ์กับCapital Asia Investments (CAI) ของ ,เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และแคทรียา บีเวอร์
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ และแคทรียา บีเวอร์ (ภรรยา เบนจามิน)
นายณัฐกร ตอบว่า "ปกติเวลาทำดีล ก็ต้องดีลกับผู้จัดการกองทุน ใน CAI มันไม่สามารถบอกว่าคนนี้เป็นใคร คนนั้นเป็นใครนะ สมมติเรานั่งกันในห้อง มันคือ CAI หมด ไม่รู้ว่าคนไหนคือเบนจามิน คนไหนคือแคทรียา ซึ่ง CAI เขาก็ถือหุ้นในบริษัทบางจากกรีนหรือ BCPG อยู่แล้ว และถือมานานแล้ว"
"ถามว่ารู้จักเบนมามินไหม ก็รู้จักกันเป็นปกติอยู่แล้ว เขาก็เป็นนักลงทุน มีเงินลงทุนในหลายประเทศ แต่ก็เป็นการรู้จักกันในวงการ ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นไปที่ยวด้วยกัน"
"แต่ถ้าหากคุณลองมองถอยหลังเข้ามา จะเห็นความพยายามโยงกับบุคคลต่างๆ เช่น ทั้งเบนจามิน,แคทรียา และโยงกลุ่มการเมืองต่างๆเช่นทักษิณ ชินวัตร ,ยิม เลียก (ประธานธนาคาร B.I.C)และกลุ่มจี (บริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง) ทั้งที่ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองใดเลย ต้องถามคนที่โยงว่าเป็นคนที่ต้องการสร้างประเด็นทางการเมือง หรือว่าเป็นคนที่ไม่สามารถจะซื้อหุ้นบางจากได้หรือเปล่า เขาถึงโยงแบบนี้"
"นี่คือสิ่งที่ผมสงสัย เพราะย้อนไปวันที่เราพยายามซื้อหุ้นบางจากที่ สปส. ถืออยู่ มันมีความรู้สึกแรงมากว่าจะไม่ขายหุ้น แต่ก็มีการมาโยงอีกว่าบริษัท MFC (บริษัทในกลุ่มชาร์เตอร์ดกรุ๊ป) สามารถสั่งประกันสังคมได้ ซึ่งไม่จริงเลย เพราะถ้าจริง ก็คงมีการสั่งให้ขายหุ้นประกันสังคมที่ถือในบางจากไปแล้ว"
*************
ทั้งหมดนี่ คือ บทสัมภาษณ์ของ นายณัฐกร อธิธนาวานิช กรรมการ บริษัท อัลฟ่า ชาร์เตอร์ด เอนเนอร์จี จำกัด ที่มาร่วมวงสนทนาระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และทีมข่าวสำนักข่าวอิศรา ในช่วงค่ำวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตอบข้อสงสัยกรณีกลุ่มบริษัท Chartered Group เข้าลงทุนใน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (BCP) มีเบื้องหลังเกี่ยวกับกลุ่มทุนทางการเมือง และกัมพูชาด้วยหรือไม่ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
พร้อมกับข้อสังเกตสำคัญ ถึงบทบาทของ กลุ่มจี (บริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง) ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวละครลับสำคัญอยู่เบื้องหลังของเรื่องราวนี้ที่ไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา