
DSI คาดอีก 1-2 สัปดาห์ได้รับรายงานผลตรวจฝุ่นแดง 'ซินเคอหยวน' บริษัทขายเหล็กก่อสร้างตึก สตง.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2568 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวน (DSI) เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องการครอบครองฝุ่นแดงของบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัดว่า ภายหลังจากที่ได้มีการรวบรวมวัตถุพยานจากที่ได้มีการเก็บตัวอย่างมาแล้ว ซึ่งก็ได้ส่งตรวจพิสูจน์ไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมในส่วนของพยานหลักฐาน รวมถึงได้มีการนัดหมายเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อจะได้เข้าสู่ขั้นตอนขยายผลกรณีกำลังเครื่องจักร
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการสอบสวนปากคำพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ภายในบริษัท ซินเคอหยวน สตีล ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้นำรายละเอียดเข้าสำนวนการสืบสวน ก่อนพิจารณาว่าเข้าข่ายรับดำเนินการไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไออยู่ระหว่างรอผลการคำนวณปริมาณฝุ่นแดงจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อาทิ รายงานสถานที่เกิดเหตุ ปริมาณจำนวนฝุ่นแดงที่ตรวจพบที่แท้จริง เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะเป็นผู้จัดทำรายงานผลตรวจพิสูจน์แล้วส่งมายังดีเอสไอ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในกรอบระยะเวลา 1-2 สัปดาห์นี้
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า เนื่องด้วยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นผู้จัดเก็บวัตถุพยานหลักฐาน และคำนวณปริมาณของฝุ่นแดงที่มีการอายัดไว้ โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่า ปริมาณฝุ่นแดงที่แท้จริงมีจำนวนเท่าไร ซึ่งตามหลักการการรับเป็นคดีพิเศษนั้น จะต้องมีจำนวน 50 ตันขึ้นไป โดยฝุ่นแดง คือ ผลพลอยได้จากการผลิตเหล็ก ซึ่งถือเป็นของเสียที่เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 แต่เนื่องด้วยฝุ่นแดงมีลักษณะพิเศษ คือ ถ้าหากโรงงานที่ผลิตเหล็กก่อให้เกิดฝุ่นแดงด้วยตัวเอง ฝุ่นแดงเหล่านี้ก็สามารถครอบครองไว้ในโรงงานได้ เว้นแต่จะมีการขนย้ายไปกำจัดหรือทำลายจึงต้องขออนุญาต
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า แต่ประเด็นของเรื่องฝุ่นแดงซินเคอหยวน จะเป็นฝุ่นแดงที่เกิดจากการผลิตของโรงงานทั้งหมดหรือไม่ หรือมีฝุ่นแดงจากที่อื่นมาปะปน ซึ่งสิ่งที่จะสามารถตอบได้คือกำลังการผลิต เพราะกำลังการผลิตจะมีการบ่งชี้ถึงปริมาณฝุ่นแดงที่จะเกิดขึ้นในทางเทคนิค ซึ่งก็ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับฝุ่นแดงที่มีอยู่จริงในโรงงานที่เราตรวจพบ รวมถึงมีความสอดคล้องไปกับบัญชีการจำหน่ายเหล็กของบริษัทหรือไม่ เพราะเมื่อเอาตัวเลขมาดูมันจะต้องมีความใกล้เคียงกับปริมาณฝุ่นแดงที่ได้มาจากกำลังการผลิตของตัวเอง โดยเบื้องต้นผู้แทนของบริษัท ซินเคอหยวนฯ ได้มีการให้ถ้อยคำกับดีเอสไอ ว่า ทางบริษัทฯ มีการประมาณการอยู่ว่าบริษัทจะผลิตฝุ่นแดงได้ขนาดเท่าไร และยืนยันตามหลักการว่าเป็นฝุ่นแดงที่เกิดขึ้นจากการผลิตเหล็กภายในโรงงานของตนเอง ซึ่งดีเอสไอก็รับฟังข้อมูลดังกล่าวไว้ แต่อย่างไรก็ต้องมีข้อมูลจากคนกลางและหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้ามาพิสูจน์ตรวจสอบในส่วนดังกล่าว เพื่อที่เราจะได้นำไปประกอบพิจารณาในสำนวนการสืบสวน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า สำหรับที่ก่อนหน้านี้มีประเด็นกระแสข่าวว่า บริษัทฯ มีการแอบลอบขนฝุ่นแดงออกจากพื้นที่โรงงานนั้น ขอเรียนชี้แจงว่า ภายหลังจากที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมมีการตรวจแล้ว แต่ยังไม่ได้อายัด ก็ปรากฏอ้างว่ามีการเคลื่อนย้ายฝุ่นแดงบางส่วนออกไป ล่าสุดคือเอาออกวันที่ 1 เม.ย.68 ทำให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงได้มีการมาอายัดในวันที่ 2 เม.ย.68 ตามรายงานข้อมูล จึงเป็นเหตุให้หลังจากนั้นไม่พบการเคลื่อนย้ายฝุ่นแดงออกจากโรงงานอีก
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค จะเร่งการตรวจพิสูจน์และคำนวณปริมาณฝุ่นที่เกิดขึ้นจากการผลิตตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ และการครอบครองจริงของโรงงาน เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเป็นการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเมื่อพยานหลักฐานปรากฏข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้ว และเข้าข่ายองค์ประกอบการรับเป็นคดีพิเศษ ก็จะมีการดำเนินการในส่วนขั้นตอนถัดไป ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาตามหลักฐานการกระทำความผิด และออกหมายเรียกบุคคลเชิญมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตอนนี้ก็ต้องรอดูข้อเท็จจริงในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสำนวนคดีพิเศษเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างตึก สตง. ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ประกอบด้วย คดีพิเศษที่ 32/2568 กรณี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ หรือคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการสั่งฟ้องของพนักงานอัยการคดีพิเศษต่อศาลอาญารัชดาภิเษก
ส่วนคดีพิเศษที่ 58/2568 กรณีตรวจสอบสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาการออกแบบ สัญญาการก่อสร้าง และสัญญาการควบคุมงาน ในโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือคดีฮั้วประมูลสัญญาโครงการตึก สตง. ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา