ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก 3 ปี 'เนตร นาคสุข' 'ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม' โดน 2 ปี ยกฟ้อง สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง-จำเลยอีกหลายราย คดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถช่วย 'บอส อยู่วิทยา'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ย่านตลิ่งชัน ได้อ่านคำพิพากษา จำคุก 3 ปี นายเนตร นาคสุข จำคุก 2 ปี นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม และยกฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมจำเลยรายอื่นๆอีก 5 ราย ในคดีร่วมกันกระทำผิดเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี คำให้การพยานความเร็วรถยนต์ฯ เพื่อช่วยเหลือนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ผู้ต้องหา เพื่อให้พ้นผิด หรือรับโทษน้อยลง กรณีนายวรยุทธหรือบอสกระทิงแดงขับรถหรูเฉี่ยวชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555
โดยคดีนี้ ศาลฯ อ่านคำพิพากษา 3 ชั่วโมง เอกสารประมาณ 140 หน้า ศาลรับฟ้องคดีดังกล่าวเมื่อ เดือนกันยายน 2567 ใช้เวลาพิจารณประมาณ 5 เดือน พยานเอกสารกว่า 4 หมื่นแผ่น โจทก์ยื่นพยานมา 100 ปาก แต่ศาลคัดไว้ประมาณ 26 ปาก พร้อมรับพยานวัตถุ 4-5 ชิ้น ในการฟังคำพิพากษาวันนี้ศาลอนุญาตให้จำเลยนั่งฟังคำพิจารณา เนื่องจากใช้เวลาอ่านคำพิพากษานาน ประกอบกับมีจำเลยสูงอายุ
ศาลพิเคราะห์ว่า นายชัยณรงค์ จำเลยที่ 4 เข้าไปโดยอวดอ้างตน “ขอความกรุณา ไม่ให้เกิน 80 เพราะตามกฎหมายไม่ให้เกิน 80” ซึ่งทุกคนในห้องได้ยินชัยณรงค์กล่าวอ้างสถานะและบทบาทหน้าที่การเป็นอัยการ ศาลมองว่าชัยณรงค์ใช้สถานะตัวเองแทรกแซงพนักงานสอบสวนไม่ให้ทำหน้าที่อิสระ เป็นการกระทำความผิดส่วนตัว
ส่วนนายเนตร จำเลยที่ 8 อดีตรองอัยการสูงสุด ศาลฯ พิจารณา ว่า ใช้อำนาจสั่งฟ้องคดีโดยมิชอบ มีเจตนาช่วยเหลือนายวรยุทธให้ได้รับโทษน้อยลง จากการรับฟังพยาน 2 ปากที่ได้มาให้การใหม่เรื่องความเร็วรถซึ่งผ่านมานานแล้ว ทำให้คำให้การของพยานไม่น่าเชื่อถือ แต่จำเลยที่ 8 ใช้ดุลพินิจไม่ชอบ ทั้งที่ตัวเองเป็นอัยการระดับสูง ควรต้องใช้ดุลยพินิจโดยรอบคอบ อีกทั้งศาลเห็นว่าจำเลยที่ 8 วินิจฉัยคดีโดยไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจ ทั้งที่ควรนำตัวนายวรยุทธ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้องค์กรอัยการเสียหาย
พิพากษาว่า นายชัยณรงค์ จำเลยที่ 4 มีความผิด ตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 สั่งจำคุก 2 ปี
ส่วนนายเนตร จำเลยที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สั่งจำคุก 3 ปี
ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-3 และ 5-7 แต่ให้ออกหมายขัง จำเลยที่ 1-3 และ 5-7 ระหว่างอุทธรณ์ โดยขณะนี้จำเลยที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก เเละให้ขังระหว่างอุทธรณ์อยู่ระหว่างยื่นประกันตัว
สำหรับคดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ทำความเห็นเเย้งขอให้ลงโทษจำเลยทุกคน
สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 8 คน ประกอบด้วย
จำเลยที่ 1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ที่ 1
จำเลยที่ 2 พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบก.กองพิสูจน์หลักฐาน ที่ 2
จำเลยที่ 3 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ ที่ 3
จำเลยที่ 4 นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส
จำเลยที่ 5 นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร
จำเลยที่ 6 นายธนิต บัวเขียว ที่ 6
จำเลยที่ 7 รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ
จำเลยที่ 8 นายเนตร นาคสุข อดีตรอง อสส.
โดยคดีนี้เป็นคดีหมายเลขดำ อท 131/2567 มีพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยทั้ง 8 ในคดีร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 200, 83, 86 พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พรป. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172,192 ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2567 ว่าจำเลยทั้ง 8 คนขอยื่นประกันตัวคนละ 2 แสนบาท